หมึกดัมโบ้ Dumbo Octopusเป็นปลาน้ำลึก สายพันธุ์Grimpoteuthis ส่วนชื่อ ดัมโบ้ (ชื่อช้างวอล์ทดิสนีย์) นั้นมาจากครีบที่เหมือนใบหูที่อยู่บนหัวเจ้าตัวนี้อยู่ในน้ำลึกตั้งแต่ 100-7000 เมตร และโตเต็มวัย จะมีขนาดประมาณ 20 เซนติเมตรมี ร่างกายอ่อนนุ่ม กึ่งโปรงใส ครีบใหญ่ เคลื่อนที่โดยใช้ครีบ และขยับหนวด (เหมือนปลาหมึก) ดันน้ำเข้าสู่ช่องดูดน้ำ และผลักออกมาเป็นไอพ่น สามารถลอยขึ้นเหนือทะเลได้เล็กน้อย เพื่อล่าเหยื่อจำพวก หอยทาก หนอน ฯลฯ
ถัดมาดูรูปแล้วต้องพร้อมใจกัน ทำปากว่า"บล็อบบบ~~บ"เพราะมันมีชื่ออยู่แล้วว่า ปลาบล็อบ (Blobfish)พบ ในย่านน้ำ ออสเตรเลีย และ แทสมาเนีย ถูกพบในระดับความลึก (800เมตร) ที่มีแรงดันมากกว่าปกติถึง 80 เท่า ทำให้ถุงลม (AKA กระเพาะปลา) ขาดประสิทธิภาพ เนื้อปลาจึงต้องมีความเป็นวุ้น เพื่อให้มีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำเล็กน้อย เพื่อให้สามารถลอยตัวเหนือน้ำทะเลได้ (เนื่องจากสาเหตุนี้นี่เอง มันจึงไม่จำเป็นต้องมีกล้ามเนื้อเพราะใช้พลังงานในการลอยตัวน้อยมาก)
Giant Isopod นึกถึงแมลงตัวยาวใหญ่เท่าไม้บรรทัดได้เลย ตัวนี้หละ ยาว 16 นิ้ว อยู่ีที่ความลึกประมาณ หกร้อยเมตร
นี่ก็ปลาหมึกชนิดหนึ่ง ปลาหมึกโปร่งใส และเรืองแสง
ปลาพญานาค (OarFish) ที่จริงคือปลา ออร์ฟิซ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานพญานาคใดๆทั้งสิ้น และเป็นปลาทะเล อยู่ในออร์เดอร์ (Order) Lampriformes อยู่ในแฟมิลี่ (Family) Regalecidae เป็น ปลาน้ำลึก พบได้ในน่านน้ำเขตร้อน ปลาออร์ฟิซเป็นปลาตัวแบนยาว ขนาดใหญ่ มีสีเงิน มีครีบหลังยาวตั้งแต่หัวจรดหาง โดยเฉพาะด้านหน้าจะยาวเป็นพิเศษ ปลาออร์ฟิซ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่บันทึกไว้ใน Guinness Book of World Records มีความยาวถึง 11 เมตรออร์ฟิซ มาจากความเชื่อทีว่า ปลาถูกแรงดันน้ำอันมหาศาล อัดจนร่างกายแบนยาว (Oar แปลว่า รูปร่างยาว แบนเหมือนแผ่นกระดาน) แต่ปัจจุบันสามารถพิสูจน์แล้วไม่เป็นความจริง และด้วยพฤติกรรม เมื่อใกล้ตายปลาออร์ฟิซ จะขึ้นมาบนผิวน้ำ ทำให้เป็นต้นเหตุของตำนานเกี่ยวกับมังกรทะเลมากมาย
Vampire Squid ปลาหมึกดูดเลือด..เนื่องจากปลา หมึกตัวนี้อยู่ในบริเวณที่ลึกเกินกว่าที่แสงจะส่องถึง (600-900เมตร) เลยให้ความรู้สึกว่า มันคือแวมไพร์ปลาหมึก จริงๆ ด้วย และวิธีการกินเหยื่อก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพียงแต่ว่า จริงๆแล้วมันไม่ใช่ปลาหมึก ..ทั้งหมึกกล้วย (squid) และหมึก ยักษ์ (octopus) แต่ที่เรียกว่าปลาหมึก ก็เพราะวิธีการเคลื่อนที่ที่คล้ายปลาหมึกนั่นเอง.. เจ้าตัวนี้มีเลือดสีฟ้า เพื่อลำเลียงออกซิเจนได้เร็วขึ้น จึงทำให้อยู่ที่ระดับความลึกนี้ ที่ออกซิเจนเบาบางได้ จนไม่ต้องโผล่ขึ้นไปรับออกซิเจนจากชั้นบนเหมือนตัวอื่นๆ เลย
ตัวนี้คือลูกของปลาวัว ชนิดหนึ่งในเขตน้ำลึก ตัวใสน่ารักมากๆๆๆๆๆ
ตัวนี้ไม่ใช่ทำในโฟโต้ชอบ แต่เป็นของจริง อ้างอิงไปถึง เนชันแนลจีโอกราฟฟิก ปลานี้ชื่อว่า Rosy Llipped Batfishได้ชื่อนี้เพราะปากดูเด่นเป็นสง่า
สามารถรับทำอาชีพเสริมเป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทขายลิปสติกได้สบายๆ ฮ่าๆ
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
สำหรับในปีนี้อันตรายหนึ่งอย่างในหน้าฝนแบบนี้ นอกจากเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนแล้ว เรื่องของปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่าง "ฟ้าผ่า" ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เราควรระวังไว้เช่นกันนะคะ
... น้องๆ หลายคนพยายามหลีกเลี่ยงการพกสื่อล่อฟ้า เช่น เครื่องประดับที่เป็นโลหะ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ เพราะในความเป็นจริงแล้ววัตถุที่จะทำให้มนุษย์ถูกฟ้าผ่าได้นั้น คือวัตถุที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป
โดยเฉพาะสิ่งของเหล่านั้นมีลักษณะปลายแหลม เช่น ร่มที่ด้านปลายบนสุดเป็นเหล็กแหลมซึ่งเป็นตัวล่อให้ฟ้าผ่าได้เป็นอย่างดีหากอยู่ในที่โล่งแจ้ง อย่างการที่ฟ้าผ่ามาบนตึกส่วนใหญ่สังเกตได้ว่า มักผ่าบริเวณส่วนที่เป็นมุมของตึก ซึ่งเสมือนสิ่งที่ล่อฟ้าผ่าได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากน้องๆ อยู่บนตึกสูงไม่ควรขึ้นไปยืนบนดาดฟ้าในเวลาฝนตกเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ส่วนเรื่องของการใช้โทรศัพท์มือถือเวลาที่ฝนตกนั้น ค่อนข้างมีความเป็นไปได้น้อยในการเป็นสื่อล่อฟ้า เนื่องจากมีคลื่นความถี่ต่ำ แต่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเวลา ฝนตกอาจได้รับอันตรายจากแบตเตอรี่ระเบิด เพราะเมื่อน้ำฝนเข้าไปยังขั้วแบตจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
สิ่งหนึ่งที่ควรระวังเวลาฝนตก นั่นก็คือ การที่ตัวของเราเปียกน้ำ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ถูกฟ้าผ่ามักมีร่างกายที่เปียกเพราะการถูกฟ้าผ่าผู้ที่ได้รับอันตรายมีผลเหมือนการถูกไฟฟ้าช็อต ดังนั้นการที่ร่างกายเปียก ก็เป็นอีกตัวกระตุ้นให้กระแสไฟจากฟ้าผ่าคร่าชีวิตได้
>>> ส่วนเรื่องของวิธีป้องกันการถูกฟ้าผ่านั้น สามารถทำได้ง่ายๆ โดย ...
เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองน้องๆ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งไม่ว่าจะเป็นกลางสนามหญ้า สนามกีฬา ชายหาด หรือลานกว้าง หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ใต้ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรือเสาสูงอื่นๆ รวมทั้งรั้ว กำแพง ที่มีโลหะเป็นส่วนประกอบ
กรณีมีเครื่องใช้-เครื่องประดับที่เป็นสื่อไฟฟ้าติดตัว เช่น สร้อย แหวน กำไล นาฬิกา ฯลฯ ควรถอดเก็บไว้ไกลตัวชั่วคราว และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะฝนฟ้าคะนอง หากเป็นไปได้ควรหลบเข้าบ้าน อาคารต่างๆ ยิ่งถ้ามีการติดสายล่อฟ้าก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้น
ส่วนสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ กลางไร่นาที่โล่งแจ้งหรืออยู่ในพื้นที่ธรรมชาติ เช่น ในป่าเขา ถ้ามีถ้ำหรือหลืบถ้ำก็สามารถใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราวได้ค่ะ และถ้ามีแต่ต้นไม้ก็ควรเลือกหลบใต้ต้นที่ไม่สูงและแผ่ปกคลุมหนาทึบ ควรอยู่ห่างจากโคนต้นไม้ 2-3 เมตร เพื่อป้องกันกระแสไฟมาถึง พยายามทำตัวให้ติดดินที่สุดโดยนอนลง ... วิธีเหล่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งค่ะ
ยังไงซะหน้าฝนนี้น้องๆ ก็ต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วยนะคะ ... อย่าปล่อยให้ตัวเปียกฝน และที่สำคัญห้ามลืมพกร่มโดยเด็ดขาดเลยนะจ๊ะ
... น้องๆ หลายคนพยายามหลีกเลี่ยงการพกสื่อล่อฟ้า เช่น เครื่องประดับที่เป็นโลหะ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ เพราะในความเป็นจริงแล้ววัตถุที่จะทำให้มนุษย์ถูกฟ้าผ่าได้นั้น คือวัตถุที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป
โดยเฉพาะสิ่งของเหล่านั้นมีลักษณะปลายแหลม เช่น ร่มที่ด้านปลายบนสุดเป็นเหล็กแหลมซึ่งเป็นตัวล่อให้ฟ้าผ่าได้เป็นอย่างดีหากอยู่ในที่โล่งแจ้ง อย่างการที่ฟ้าผ่ามาบนตึกส่วนใหญ่สังเกตได้ว่า มักผ่าบริเวณส่วนที่เป็นมุมของตึก ซึ่งเสมือนสิ่งที่ล่อฟ้าผ่าได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากน้องๆ อยู่บนตึกสูงไม่ควรขึ้นไปยืนบนดาดฟ้าในเวลาฝนตกเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ส่วนเรื่องของการใช้โทรศัพท์มือถือเวลาที่ฝนตกนั้น ค่อนข้างมีความเป็นไปได้น้อยในการเป็นสื่อล่อฟ้า เนื่องจากมีคลื่นความถี่ต่ำ แต่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเวลา ฝนตกอาจได้รับอันตรายจากแบตเตอรี่ระเบิด เพราะเมื่อน้ำฝนเข้าไปยังขั้วแบตจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
สิ่งหนึ่งที่ควรระวังเวลาฝนตก นั่นก็คือ การที่ตัวของเราเปียกน้ำ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ถูกฟ้าผ่ามักมีร่างกายที่เปียกเพราะการถูกฟ้าผ่าผู้ที่ได้รับอันตรายมีผลเหมือนการถูกไฟฟ้าช็อต ดังนั้นการที่ร่างกายเปียก ก็เป็นอีกตัวกระตุ้นให้กระแสไฟจากฟ้าผ่าคร่าชีวิตได้
>>> ส่วนเรื่องของวิธีป้องกันการถูกฟ้าผ่านั้น สามารถทำได้ง่ายๆ โดย ...
เมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองน้องๆ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งไม่ว่าจะเป็นกลางสนามหญ้า สนามกีฬา ชายหาด หรือลานกว้าง หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ใต้ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรือเสาสูงอื่นๆ รวมทั้งรั้ว กำแพง ที่มีโลหะเป็นส่วนประกอบ
กรณีมีเครื่องใช้-เครื่องประดับที่เป็นสื่อไฟฟ้าติดตัว เช่น สร้อย แหวน กำไล นาฬิกา ฯลฯ ควรถอดเก็บไว้ไกลตัวชั่วคราว และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะฝนฟ้าคะนอง หากเป็นไปได้ควรหลบเข้าบ้าน อาคารต่างๆ ยิ่งถ้ามีการติดสายล่อฟ้าก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้น
ส่วนสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ กลางไร่นาที่โล่งแจ้งหรืออยู่ในพื้นที่ธรรมชาติ เช่น ในป่าเขา ถ้ามีถ้ำหรือหลืบถ้ำก็สามารถใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราวได้ค่ะ และถ้ามีแต่ต้นไม้ก็ควรเลือกหลบใต้ต้นที่ไม่สูงและแผ่ปกคลุมหนาทึบ ควรอยู่ห่างจากโคนต้นไม้ 2-3 เมตร เพื่อป้องกันกระแสไฟมาถึง พยายามทำตัวให้ติดดินที่สุดโดยนอนลง ... วิธีเหล่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งค่ะ
ยังไงซะหน้าฝนนี้น้องๆ ก็ต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วยนะคะ ... อย่าปล่อยให้ตัวเปียกฝน และที่สำคัญห้ามลืมพกร่มโดยเด็ดขาดเลยนะจ๊ะ
9 วิธีฝึกสมองให้คิดสร้างสรรค์
ดื่มน้ำให้บ่อยๆ โดยอาจจะใช้วิธีการจิบครั้งละนิดๆ ก็ได้จ้ะ เพราะในสมองของเรานั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 85 % ของเซลล์สมอง ดังนั้นถ้าร่างกายของเราขาดน้ำ ก็จะส่งผลให้สมองของเราคิดสิ่งต่างๆ ช้าหรือคิดไม่ออกเลย
กินไขมันดีหรือโอเมก้า 3 สมองน้อยๆ ของเรานั้นก็คือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับไขมันดีเข้าไปเพื่อเป็นการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ อาหารที่มีไขมันดีอยู่นั้น ก็เช่น ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง น้ำมันปลา เป็นต้น
นั่งสมาธิ อย่างที่น้องๆ ทราบกันอยู่แล้วว่าการนั่งสมาธิจะทำให้เราเกิดสติในการคิดสิ่งต่างๆ และรู้สึกผ่อนคลายได้ ดังนั้นในแต่ละวันเราควรที่จะหาเวลานั่งสมาธิบ้าง แม้จะเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเราสามารถนั่งสมาธิได้
ตั้งใจทำจริงๆ เพราะถ้าตั้งใจที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วก็ควรที่จะตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้ เพราะการตั้งใจทำถือว่าเป็นฝึกสมองอีกรูุปแบบหนึ่ง
หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ เพราะเวลาที่เราทำ 2 สิ่งนี้ สารเอ็นโดรฟินก็จะถูกหลั่งออกมา สารนี้จะทำให้เรารู้สึกมีความสุข คิดและทำสิ่งดีๆ ออกมา
เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าวในร้านอาหารที่ไม่เคยกิน อ่านหนังสือเล่มใหม่ ฯลฯ เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะทำให้สารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน หลั่งออกมา สารทั้ง 2 ตัวนี้จะไปกระตุ้นให้สมองอยากเรียนรู้ และสร้างสรรค์ในเรื่องต่างๆ นอกจากนี้ยังจะทำให้มีความสุขอีกด้วย
ให้อภัย เพราะถ้าเรารู้สึกโมโห โกรธ สองของเราก็จะเครียดตามไปด้วย ดังนั้นเราควรที่จะรู้จักให้อภัยคนอื่น และให้อภัยตัวเองเพื่อสมองน้อยๆ ของเรา
เขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีๆ หรือเรื่องที่เราเจอมาในแต่ละวันลงไปในไดอารี่ เช่น วันนี้ได้เจอเพื่อนใหม่ , ขอบคุณพ่อแม่ที่อยู่ข้างๆ ตลอดเวลา เป็นต้น เพราะการเขียนสิ่งดีๆ จะช่วยทำให้เราคิดดีตามไปด้วย และยังเป้นการช่วยฝึกฝนสมองให้คิดทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาอีกด้วย
ฝึกหายใจเข้าลึกๆ เพราะสมองน้อยๆ ของเรานั้นมีออกซิเจนอยู่ด้วย ดังนั้นถ้าเราหายใจเข้าลึกๆ ก็จะเป็นช่วยการส่งพลังงานไปยังสมอง และหากเรานั่งทำงานเป็นเวลานานๆ ก็ควรที่จะลุกขึ้นมาเดินยืดเส้นยืดสายบ้าง เพราะสามารถทำให้ให้ปอดขยายใหญ่และรับออกซิเจนได้มากขึ้น 20%
"สี" เพิ่มความมั่นใจได้!!
สีฟ้า ถ้าอยากรู้สึกสงบและผ่อนคลายล่ะก็ พี่ปัดแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าสีนี้เลยจ้ะ เพราะเวลาที่เห็นสีฟ้าเราจะนึกถึงท้องฟ้าที่ดูเป็นอิสระ นอกจากนี้สีนี้ยังทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่งและสดชื่นขึ้นมาอีกด้วย
สีขาว เป็นสีที่ดูบริสุทธิ์ สะอาด และหากน้องๆ ใส่เสื้อผ้าสีนี้ไปพูดคุยต่อรองกับใครแล้วล่ะก็จะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ เพราะสีนี้จะทำให้ดูเป็นคนที่มีความเอาใจใส่ทุกรายละเอียด รอบคอบ และเอาจริงเอาจัง
สีแดง สีแห่งความร้อนแรง ใส่แล้วดูมั่นใจสุดๆ เพราะว่าสีนี้จะช่วยให้เราคิดหาไอเดียสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ออกมาได้อย่างมากมาย
สีชมพู สีแห่งความอ่อนหวานโรแมนติก ถ้าเราสวมใส่เสื้อผ้าสีนี้จะสร้างความอบอุ่น น่าทะนุถนอม และช่วยให้อารมณ์โกรธของคนรู้ใจหายเร็วขึ้นอีกด้วย
สีน้ำตาล ถ้าน้องๆ จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดแล้วรู้สึกกลัว กังวลเรื่องความปลอดภัยล่ะก็ พี่ปัดแนะนำให้ใส่สีนี้เลยจ้ะ เพราะสีนี้เป็นสีที่เหมือนกับดินที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจ และช่วยลดความกลัวลงไปได้ด้วย
สีเหลือง เวลาพี่ปัดเห็นสีนี้จะนึกถึงทุ่งดอกทานตะวัน และรู้กันหรือไม่ว่าสีนี้จะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูน่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ ฉะนั้นจึงเหมาะกับการใส่ไปพบกับผู้ใหญ่หรือไปติดต่อคุยในเรื่องหน้าที่การงาน
สีเขียว สีแห่งธรรมชาติ ที่ทำให้ผู้พบเห็นนึกถึงป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม และทำให้ผู้สวมใส่มีสมาธิ เพิ่มพลังความตั้งใจ และไขว่คว้าในการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเอง
สีม่วง สีที่สะท้อนความเคร่งขรึม ลึกลับ แต่มีเสน่ห์ชวนค้นหา เป็นสีที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ ความลี้ลับ และความสำเร็จ ถ้าอยากให้เรื่องที่หวังหรือตั้งใจไว้เป็นจริงล่ะก็ ต้องหาเสื้อผ้าสีนี้มาสวมใส่นะจ๊ะ เพราะความสำเร็จจะมารออยู่ข้างหน้าเลยจ้ะ
สีดำ สีของอำนาจและพลัง ให้ความรู้สึกว่าผู้สวมใส่แข็งแกร่ง เตรียมพร้อมรับสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตได้เสมอ
ดังนั้นถ้าวันไหนน้องๆ ชาว Dek-D.Com รู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นใจในเรื่องต่างๆ ล่ะก็ ขอแนะนำให้ลองนำสิ่งที่พี่ปัดเอามาฝากในวันนี้ไปลองใช้กันดูนะจ๊ะ รับรองว่าจะเรียกความมั่นใจกลับมาทันทีเลยจ้ะ ว่าแต่ตอนนี้น้องๆ มาช่วยพี่ปัดคิดกันดีกว่าว่าพรุ่งนี้พี่ปัดจะใส่เสื้อผ้าสีอะไรดี
ภาษากายสื่อความหมายถึง....
เวลาที่เพื่อนๆ รู้สึกเศร้าเสียใจในเรื่องต่างๆ น้องๆ ชาว Dek-D.Com มีวิธีปลอบใจเพื่อนให้คลายเศร้ายังไงบ้างจ๊ะ ส่วนใหญ่พี่ปัดจะใช้วิธีเข้าไปพูดให้กำลังใจจ้ะ แต่ว่าวันนี้พี่ปัดมีวิธีใหม่มาแนะนำโดยใช้ "ภาษากายสื่อความรักความห่วงใย"
กอด สื่อความหมายถึง "ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ" เวลาที่เพื่อนรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังการที่ได้รับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นจากพ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนสนิทอย่างเราก็สามารถที่จะทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาได้ และมีแรงพลังในการลุกขึ้นมาสู้ต่อไป
แตะไหล่ สื่อความหมายถึง "เราเข้าใจเธอ รู้ว่าเธอคิดยังไง" การที่มีใครสักคนมาแตะไหล่เพื่อนในเวลาในเศร้าเสียใจ แม้ว่าคนที่เดินเข้ามาแตะไหล่จะเดินไปไกลแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความรักความห่วงใยที่มีให้เขา
จับมือ สื่อความหมายถึง "สู้ๆ เข้มแข็งไว้นะ" ถ้าเราเดินเข้าไปจับมือเพื่อนในเวลาเศร้าเสียใจแล้วล่ะก็สามารถทำให้เขายิ้มและลุกขึ้นมาเข้มแข็งได้เหมือนเดิม
ตบหลังเบาๆ สื่อความหมายถึง "เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง" เวลาที่เพื่อนร้องไห้เสียใจเราก็ควรที่จะเข้าไปลูบหลังเบาๆ เท่านี้เขาก็จะรู้สึกดีขึ้นมาแล้วจ้ะ ถึงแม้เรื่องที่เขาเสียใจนั้นอาจจะต้องใช้เวลาสักนิดกว่าที่จะลืมมันได้ก็ตาม
พยักหน้าเวลาเห็นเพื่อนร้องไห้ สื่อความหมายถึง "ร้องไห้เถอะ ถ้ามันจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น" การร้องไห้ถือได้ว่าการระบายความรู้สึกที่อยู่ภายในออกมา วิธีนี้จะทำให้เพื่อนของเรารู้สึกได้ปลดปล่อยสิ่งต่างๆ ดังนั้นถ้าเขาร้องไห้ล่ะก็เราควรที่จะอยู่เคียงข้างคอยปลอบใจเขาด้วยนะจ๊ะ
ยื่นดอกไม้ให้สักดอก สื่อความหมายถึง " เราเป็นกำลังใจให้เธอนะ" เวลาที่เราเห็นดอกไม้นั้นเราจะรู้สึกถึงความสดชื่นและสดใสใช่ไหมจ๊ะ ดังนั้นในช่วงเวลาเศร้าเสียใจแบบนี้เพื่อนของเราก็ต้องการของที่สดชื่น สดใสเช่นเดียวกันจ้ะ
ในช่วงเวลาที่รู้สึกเศร้าเสียใจที่สุดการที่เราได้รับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นจากคนในครอบครัว มีเพื่อนจับมือเวลาที่ร้องไห้ ก็สามารถทำให้เรามีกำลังใจและรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมาได้เช่นกัน ดังนั้นภาษากายจึงสามารถถ่ายทอดและสื่อถึงความรักความห่วงใยได้เช่นกัน
กอด สื่อความหมายถึง "ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ" เวลาที่เพื่อนรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังการที่ได้รับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นจากพ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนสนิทอย่างเราก็สามารถที่จะทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาได้ และมีแรงพลังในการลุกขึ้นมาสู้ต่อไป
แตะไหล่ สื่อความหมายถึง "เราเข้าใจเธอ รู้ว่าเธอคิดยังไง" การที่มีใครสักคนมาแตะไหล่เพื่อนในเวลาในเศร้าเสียใจ แม้ว่าคนที่เดินเข้ามาแตะไหล่จะเดินไปไกลแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความรักความห่วงใยที่มีให้เขา
จับมือ สื่อความหมายถึง "สู้ๆ เข้มแข็งไว้นะ" ถ้าเราเดินเข้าไปจับมือเพื่อนในเวลาเศร้าเสียใจแล้วล่ะก็สามารถทำให้เขายิ้มและลุกขึ้นมาเข้มแข็งได้เหมือนเดิม
ตบหลังเบาๆ สื่อความหมายถึง "เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง" เวลาที่เพื่อนร้องไห้เสียใจเราก็ควรที่จะเข้าไปลูบหลังเบาๆ เท่านี้เขาก็จะรู้สึกดีขึ้นมาแล้วจ้ะ ถึงแม้เรื่องที่เขาเสียใจนั้นอาจจะต้องใช้เวลาสักนิดกว่าที่จะลืมมันได้ก็ตาม
พยักหน้าเวลาเห็นเพื่อนร้องไห้ สื่อความหมายถึง "ร้องไห้เถอะ ถ้ามันจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น" การร้องไห้ถือได้ว่าการระบายความรู้สึกที่อยู่ภายในออกมา วิธีนี้จะทำให้เพื่อนของเรารู้สึกได้ปลดปล่อยสิ่งต่างๆ ดังนั้นถ้าเขาร้องไห้ล่ะก็เราควรที่จะอยู่เคียงข้างคอยปลอบใจเขาด้วยนะจ๊ะ
ยื่นดอกไม้ให้สักดอก สื่อความหมายถึง " เราเป็นกำลังใจให้เธอนะ" เวลาที่เราเห็นดอกไม้นั้นเราจะรู้สึกถึงความสดชื่นและสดใสใช่ไหมจ๊ะ ดังนั้นในช่วงเวลาเศร้าเสียใจแบบนี้เพื่อนของเราก็ต้องการของที่สดชื่น สดใสเช่นเดียวกันจ้ะ
ในช่วงเวลาที่รู้สึกเศร้าเสียใจที่สุดการที่เราได้รับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นจากคนในครอบครัว มีเพื่อนจับมือเวลาที่ร้องไห้ ก็สามารถทำให้เรามีกำลังใจและรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมาได้เช่นกัน ดังนั้นภาษากายจึงสามารถถ่ายทอดและสื่อถึงความรักความห่วงใยได้เช่นกัน
การกินยาที่ผิดวิธี
การบดยาที่เป็นเม็ด หรือ แกะแคปซูลบรรจุยา เพื่อที่ 'อยากจะกินกลืนยาทั้งเม็ด ไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น' แต่น้องๆ รู้ไหม ? เป็นการกระทำที่ผิด เพราะมันจะก่อเกิดผลเสียตามมา ผู้เชี่ยวชาญของประเทศอังกฤษได้เตือนว่า การที่เราพยายามบดยาเม็ดให้รับประทานได้ง่ายขึ้น เช่นให้กับเด็ก หรือ ผู้สูงอายุ จะทำให้สารเคลือบเม็ด ที่มีผลต่อการปล่อยยาในร่างกาย ถูกทำลาย!! ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
ซึ่งผู้สูงอายุในประเทศอังกฤษ 60% ในอังกฤษมีปัญหาเรื่องการกลืนยา และพยาบาลถึง 80% ใช้วิธีบดยา เพื่อให้รับประทานได้ง่ายขึ้น โดยในแต่ละปี มียาที่สั่งจ่ายโดยแพทย์และเกิดผลข้างเคียงถึง 75 ล้านชุด
ยาที่ไม่ควรบดได้แก่ ทามอกซิเฟน มอร์ฟีน และไนเฟดิพีน ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนด้วยว่า แพทย์หรือพยาบาลอาจถูกดำเนินคดี หากประมาทเลินเล่อ ด้วยการแนะนำให้ผู้ป่วยบดเม็ดยาหรือแกะแคปซูลที่หุ้มยาไว้ ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีข้อกำหนดเรื่องดำเนินคดีระวังความหวังดีของเรา จะกลายเป็นผลร้ายต่อผู้ป่วยนะครับ
ซึ่งผู้สูงอายุในประเทศอังกฤษ 60% ในอังกฤษมีปัญหาเรื่องการกลืนยา และพยาบาลถึง 80% ใช้วิธีบดยา เพื่อให้รับประทานได้ง่ายขึ้น โดยในแต่ละปี มียาที่สั่งจ่ายโดยแพทย์และเกิดผลข้างเคียงถึง 75 ล้านชุด
ยาที่ไม่ควรบดได้แก่ ทามอกซิเฟน มอร์ฟีน และไนเฟดิพีน ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนด้วยว่า แพทย์หรือพยาบาลอาจถูกดำเนินคดี หากประมาทเลินเล่อ ด้วยการแนะนำให้ผู้ป่วยบดเม็ดยาหรือแกะแคปซูลที่หุ้มยาไว้ ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีข้อกำหนดเรื่องดำเนินคดีระวังความหวังดีของเรา จะกลายเป็นผลร้ายต่อผู้ป่วยนะครับ
ไม่อยาก"ดำ" เลือกครีมกันแดดอย่างถูกวิธี
เพราะความกลัวแดดจะแผดผิว ให้ดำจนเกินงามตาม ที่โฆษณาต่างส่งเสียงกันมา เลยทำให้สาวๆ น้อยใหญ่ต้องหันหน้า เข้าหาครีมกันแดดกันสักครั้ง
แต่...จะเลือกแบบไหนดีนะ ขวดนี้ SPF-15 แต่ขวดโน้น SPF-30 กันน้ำได้ด้วย ลังเลค่ะเวลา ยืนอยู่หน้าชั้นสินค้า จำพวกครีมกันแดด มันละลาน ตาไปหมด ทั้งยี่ห้อ สีสัน และสรรพคุณจากศัพท์แสงที่ไม่คุ้นเคย
ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่า SPF หรือเอสพีเอฟ นั้นย่อมาจาก Sun Protection Filter จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการกรองรังสีดวงอาทิตย์ ยิ่งค่าเอสพีเอฟสูงก็ยิ่งกรองรังสีได้มาก
การจะใช้ครีมที่มีค่าเอสพีเอฟสูงมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิตของเราด้วย หากเป็นคนที่ออกทำงานแต่เช้ากลับบ้านค่ำมืด โอกาสเจอแสงอาทิตย์ ไม่ค่อยมี ก็แทบไม่ต้องใช้ครีมกันแดดเลย หรือถ้าจะใช้ก็ควรเป็นค่าระดับที่อ่อนมาก จำไว้อย่างหนึ่งว่า สารกรองรังสีดวงอาทิตย์พวกนี้ เป็นสารเคมีที่นักวิทยาศาสตร์สังเคราะห์ขึ้น ควรเลือกใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะยิ่งพอกสารเคมีต่างๆ ไว้บนใบหน้า ก็ย่อมมีทั้งคุณและโทษ
ขั้นต่อมาก็มาดูที่ตัวเลข 30 และ 15 ที่ยกเป็นตัวอย่างนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเอสพีเอฟ ที่มีแสดงกันตามผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด ดร.มาร์ติน ไวน์สต็อก ผอ.สมาคมมะเร็งอเมริกา บอกว่า ถ้าหากคุณคิดว่าการตบครีมที่มีเอสพีเอฟ 30 จะช่วยป้องกันแดดได้ มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเอสพีเอฟ 15 ขอให้คิดใหม่ มันไม่ง่ายอย่างนั้น
ข้อเท็จจริงก็คือ SPF-15 จะช่วยบล็อกรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ได้ 93.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วน SPF-30 นั้น จะป้องกันรังสีได้ 96.7เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้า SPF-45 ป้องกันได้ 97.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอันไหนที่ป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ค่ะ รู้อย่างนี้แล้วคงพอช่วยให้หายงง และเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวของตัวเองได้มากขึ้นนะคะ
แต่...จะเลือกแบบไหนดีนะ ขวดนี้ SPF-15 แต่ขวดโน้น SPF-30 กันน้ำได้ด้วย ลังเลค่ะเวลา ยืนอยู่หน้าชั้นสินค้า จำพวกครีมกันแดด มันละลาน ตาไปหมด ทั้งยี่ห้อ สีสัน และสรรพคุณจากศัพท์แสงที่ไม่คุ้นเคย
ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่า SPF หรือเอสพีเอฟ นั้นย่อมาจาก Sun Protection Filter จะเป็นตัวที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการกรองรังสีดวงอาทิตย์ ยิ่งค่าเอสพีเอฟสูงก็ยิ่งกรองรังสีได้มาก
การจะใช้ครีมที่มีค่าเอสพีเอฟสูงมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิตของเราด้วย หากเป็นคนที่ออกทำงานแต่เช้ากลับบ้านค่ำมืด โอกาสเจอแสงอาทิตย์ ไม่ค่อยมี ก็แทบไม่ต้องใช้ครีมกันแดดเลย หรือถ้าจะใช้ก็ควรเป็นค่าระดับที่อ่อนมาก จำไว้อย่างหนึ่งว่า สารกรองรังสีดวงอาทิตย์พวกนี้ เป็นสารเคมีที่นักวิทยาศาสตร์สังเคราะห์ขึ้น ควรเลือกใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะยิ่งพอกสารเคมีต่างๆ ไว้บนใบหน้า ก็ย่อมมีทั้งคุณและโทษ
ขั้นต่อมาก็มาดูที่ตัวเลข 30 และ 15 ที่ยกเป็นตัวอย่างนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเอสพีเอฟ ที่มีแสดงกันตามผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด ดร.มาร์ติน ไวน์สต็อก ผอ.สมาคมมะเร็งอเมริกา บอกว่า ถ้าหากคุณคิดว่าการตบครีมที่มีเอสพีเอฟ 30 จะช่วยป้องกันแดดได้ มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเอสพีเอฟ 15 ขอให้คิดใหม่ มันไม่ง่ายอย่างนั้น
ข้อเท็จจริงก็คือ SPF-15 จะช่วยบล็อกรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ได้ 93.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วน SPF-30 นั้น จะป้องกันรังสีได้ 96.7เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้า SPF-45 ป้องกันได้ 97.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอันไหนที่ป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ค่ะ รู้อย่างนี้แล้วคงพอช่วยให้หายงง และเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวของตัวเองได้มากขึ้นนะคะ
สุนัข" ฉลาดพอๆ กับเด็กอายุ 2 ขวบ
ศาสตราจารย์สแตนลีย์ โคเร็น แห่งมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ได้เปิดเผยการวิจัยเกี่ยวกับการทดสอบพัฒนาการทางภาษาและการเข้าใจในหลักการคณิตศาสตร์ของสุนัข ซึ่งผลการวิจัยออกมาว่า สุนัขพันธุ์ทั่วไปสามารถเรียนรู้และเข้าใจคำพูด สัญลักษณ์ต่างๆ ได้ประมาณ 165 ลักษณะ
แต่สำหรับสุนัขสายพันธุ์ที่มีความความแสนรู้จะเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าสุนัขทั่วไปถึง 250 ลักษณะ ซึ่งความฉลาดนี้จะใกล้เคียงกับเด็กอายุ 2 ขวบ โดย ศาสตราจารย์สแตนลีย์ โคเร็น กล่าวว่า "แน่นอนว่าผลวิจัยของผมไม่ได้บอกว่าเราจะนั่งคุยกับสุนัขรู้เรื่อง แต่ชี้ว่าสุนัขมีความสามารถในการรับรู้และสื่อสารกับเราผ่านการดูท่าทางและรับฟังคำสั่งคล้ายๆ กับเด็ก 2 ขวบ"
"สุนัข" ฉลาดพอๆ กับเด็กอายุ 2 ขวบ
ซึ่งนอกจากผลการวิจัยแล้ว ยังมีการจัดอันดับสุนัข 5 สายพันธุ์ที่แสนรู้ที่สุดอีกด้วย โดยเริ่มจาก บอร์เดอร์ คอลลี่, พุดเดิ้ล, เยอรมันเชฟเฟิร์ด, โกลเด้นรีทริฟเวอร์ และโดเบอร์แมน พิ้นเชอร์ (เรียงจากมากไปหาน้อย)
เห็นไหมจ๊ะว่า สุนัขเป็นที่สัตว์ที่ฉลาด แสนรู้ เราสั่งอะไรมันก็ทำตาม เวลาเศร้าเสียใจมันก็จะเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เป็นสัตว์ที่น่ารักที่สุดเลย ว่าแต่ที่บ้านของน้องๆ เลี้ยงสุนัขกันกี่ตัวจ๊ะ และเป็นพันธุ์อะไรกันบ้าง
แต่สำหรับสุนัขสายพันธุ์ที่มีความความแสนรู้จะเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าสุนัขทั่วไปถึง 250 ลักษณะ ซึ่งความฉลาดนี้จะใกล้เคียงกับเด็กอายุ 2 ขวบ โดย ศาสตราจารย์สแตนลีย์ โคเร็น กล่าวว่า "แน่นอนว่าผลวิจัยของผมไม่ได้บอกว่าเราจะนั่งคุยกับสุนัขรู้เรื่อง แต่ชี้ว่าสุนัขมีความสามารถในการรับรู้และสื่อสารกับเราผ่านการดูท่าทางและรับฟังคำสั่งคล้ายๆ กับเด็ก 2 ขวบ"
"สุนัข" ฉลาดพอๆ กับเด็กอายุ 2 ขวบ
ซึ่งนอกจากผลการวิจัยแล้ว ยังมีการจัดอันดับสุนัข 5 สายพันธุ์ที่แสนรู้ที่สุดอีกด้วย โดยเริ่มจาก บอร์เดอร์ คอลลี่, พุดเดิ้ล, เยอรมันเชฟเฟิร์ด, โกลเด้นรีทริฟเวอร์ และโดเบอร์แมน พิ้นเชอร์ (เรียงจากมากไปหาน้อย)
เห็นไหมจ๊ะว่า สุนัขเป็นที่สัตว์ที่ฉลาด แสนรู้ เราสั่งอะไรมันก็ทำตาม เวลาเศร้าเสียใจมันก็จะเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เป็นสัตว์ที่น่ารักที่สุดเลย ว่าแต่ที่บ้านของน้องๆ เลี้ยงสุนัขกันกี่ตัวจ๊ะ และเป็นพันธุ์อะไรกันบ้าง
เผยกิน “แกงกะหรี่” ป้องกันอัลไซเมอร์ได้
เผยกิน “แกงกะหรี่” ป้องกันอัลไซเมอร์ได้
พร้อมทานครบ 5 หมู่ - ออกกำลังกายไปด้วย รับประทานแกงกะหรี่หรืออาหารปรุงด้วยผงกะหรี่สัปดาห์ละ1 หรือ 2 ครั้งอาจช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (อัลไซเมอร์) ได้ การค้นพบครั้งนี้เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยดุค ในนอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าสารเคอร์คูมิน ในแกงกระหรี่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหินปูนโปรตีนที่ชื่อ"แอมมิลอยด์" ในสมองที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของความจำเสื่อม อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยเตือนว่า อย่าไปหวังพึ่งว่าการรับประทานแกงกะหรี่จะเป็นยาวิเศษป้องกันโรคความจำเนื่อมเพราะหากต้องการมีสมองดีก็ต้องรับประทานทุกชนิดอย่างเลือกสรร ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ตามด้วยการรับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ ผลจากการวิจัยนี้อาจะเป็นไปได้ที่จะมีการพัฒนาเม็ดยาแกงกะหรี่ที่ให้ผลอย่างเดียวกับแกงกะหรี่หรือผงกะหรี่ สมาคมโรคอัลไซเมอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาสนับสนุนผลทางการวิจัยนี้ โดยชี้ว่าชุมชนชาวอินเดียที่รับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ มีอัตราการเกิดของโรคความจำเสื่อมอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งในช่วงนั้นทางสมาคมยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลังจากนี้สมาคมสนใจจะสำรวจผลดีจากสารเคอร์คูมินในผงกะหรี่ว่าสามารถป้องกันสมองเสื่อมได้จริงหรือไม่ หากผลกะหรี่ให้ผลดีในการป้องกันโรคจริง ก็จะถือว่าเป็นแนวทางการรักษาและป้องกันราคาถูก ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตคนจำนวนมากดีขึ้น
เผยกินแกงกะหรี่ ป้องกันอัลไซเมอร์ได้
นอกจากนี้แกงกะหรี่ยัง สามารถช่วยสกัดมะเร็งเต้านมได้ วันนี้พี่นัทจึงรวบรวมเกร็ดความรู้มีมาบอกน้องชาว Dek-d.com กัน.... ศูนย์ เอ็ม ดี แอนเดอร์สัน มหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้วิจัยออกมาแล้วว่า สารเคอร์คิวมินที่อยู่ในขมิ้นเครื่องเทศที่เป็นส่วนผสมหลักของแกงกะหรี่นั้น สามารถช่วยหยุดยั้งมะเร็งเต้านมไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นได้ โดยสถาบันได้ทดลองกับหนูที่เป็นมะเร็งเต้านม พบว่า ..หนูที่ได้รับสารเคอร์คิวมินเพียงอย่างเดียว สามารถทำให้ก้อนเนื้อเล็กลงเรื่อย ๆ การค้นพบนี้กลายเป็นความหวังใหม่ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ส่วนคุณผู้ชายสามารถทานแกงกะหรี่ เพื่อช่วยชะลอมะเร็งต่อมลูกหมากได้ เนื่องจากมีสารเคอร์คิวมิน อีกทั้งช่วยลดอาการอัลไซเมอร์ได้
พร้อมทานครบ 5 หมู่ - ออกกำลังกายไปด้วย รับประทานแกงกะหรี่หรืออาหารปรุงด้วยผงกะหรี่สัปดาห์ละ1 หรือ 2 ครั้งอาจช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (อัลไซเมอร์) ได้ การค้นพบครั้งนี้เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยดุค ในนอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าสารเคอร์คูมิน ในแกงกระหรี่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหินปูนโปรตีนที่ชื่อ"แอมมิลอยด์" ในสมองที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของความจำเสื่อม อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยเตือนว่า อย่าไปหวังพึ่งว่าการรับประทานแกงกะหรี่จะเป็นยาวิเศษป้องกันโรคความจำเนื่อมเพราะหากต้องการมีสมองดีก็ต้องรับประทานทุกชนิดอย่างเลือกสรร ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ตามด้วยการรับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ ผลจากการวิจัยนี้อาจะเป็นไปได้ที่จะมีการพัฒนาเม็ดยาแกงกะหรี่ที่ให้ผลอย่างเดียวกับแกงกะหรี่หรือผงกะหรี่ สมาคมโรคอัลไซเมอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาสนับสนุนผลทางการวิจัยนี้ โดยชี้ว่าชุมชนชาวอินเดียที่รับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ มีอัตราการเกิดของโรคความจำเสื่อมอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งในช่วงนั้นทางสมาคมยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลังจากนี้สมาคมสนใจจะสำรวจผลดีจากสารเคอร์คูมินในผงกะหรี่ว่าสามารถป้องกันสมองเสื่อมได้จริงหรือไม่ หากผลกะหรี่ให้ผลดีในการป้องกันโรคจริง ก็จะถือว่าเป็นแนวทางการรักษาและป้องกันราคาถูก ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตคนจำนวนมากดีขึ้น
เผยกินแกงกะหรี่ ป้องกันอัลไซเมอร์ได้
นอกจากนี้แกงกะหรี่ยัง สามารถช่วยสกัดมะเร็งเต้านมได้ วันนี้พี่นัทจึงรวบรวมเกร็ดความรู้มีมาบอกน้องชาว Dek-d.com กัน.... ศูนย์ เอ็ม ดี แอนเดอร์สัน มหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้วิจัยออกมาแล้วว่า สารเคอร์คิวมินที่อยู่ในขมิ้นเครื่องเทศที่เป็นส่วนผสมหลักของแกงกะหรี่นั้น สามารถช่วยหยุดยั้งมะเร็งเต้านมไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นได้ โดยสถาบันได้ทดลองกับหนูที่เป็นมะเร็งเต้านม พบว่า ..หนูที่ได้รับสารเคอร์คิวมินเพียงอย่างเดียว สามารถทำให้ก้อนเนื้อเล็กลงเรื่อย ๆ การค้นพบนี้กลายเป็นความหวังใหม่ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ส่วนคุณผู้ชายสามารถทานแกงกะหรี่ เพื่อช่วยชะลอมะเร็งต่อมลูกหมากได้ เนื่องจากมีสารเคอร์คิวมิน อีกทั้งช่วยลดอาการอัลไซเมอร์ได้
อุณหภูมิ >> น้องๆ ห้ามนำนาฬิกาเรือนโปรดของตัวเองไปวางไว้ในสถานที่ร้อนๆ หรือเย็นจัดนะจ๊ะ รวมถึงบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น เตาไมโครเวฟ วิทยุ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้นาฬิกาเดินช้าลง
สายหนัง >> ต้องระมัดระวังสายหนังสุดสวยของเราไม่ให้ถูกน้ำนะจ๊ะ และเมื่อใช้สายหนังไปเรื่อยๆ แล้ว ควรที่จะมีการเปลี่ยนสายบ้าง เพราะสายหนังเป็นแหล่งรวมของเชื้อราจ้ะ
ถ่าน >> โดยปกติแล้วอายุการใช้งานของถ่านนาฬิกาแต่ละเรือนจะอยู่ 2 ปี ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดแล้วน้องๆ ก็ควรที่จะนำนาฬิกาไปเปลี่ยนถ่านก้อนใหม่นะจ๊ะ เพราะถ้าไม่เปลี่ยนแล้วล่ะก็ สารเคมีจากถ่านที่หมดอายุแล้ว อาจจะรั่วอยู่ภายในนาฬิกา และเป็นสาเหตุที่ทำให้นาฬิกาเจ๊งได้นะจ๊ะ
มาเพิ่มอายุขัยของ "นาฬิกา" กันเถอะ
ไขลาน >> ถ้าซื้อนาฬิกาแบบออโตเมติกมาใหม่ แบบที่เข็มนาฬิกายังไม่ได้เดินเลยล่ะก็ ควรที่จะไขลานจนครบ 30 ครบ ก่อนที่จะตั้งเวลานะจ๊ะ
ตกน้ำ >> นาฬิกาเรือนโปรดตกน้ำ ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้น้องๆ ต้องรีบนำนาฬิกาไปให้ช่างซ่อมโดยเร็วที่สุดนะจ๊ะ เพราะน้ำที่เข้าไปจะทำให้กลไกของนาฬิกาเป็นสนิมได้
การเอาใจใส่ดูแลของชิ้นโปรดไม่ว่าจะเป็น "นาฬิกา" หรือสิ่งอื่นๆ จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของมันให้อยู่กับเราได้ไปนานๆ นะจ๊ะ ว่าแต่น้องๆ มีของชิ้นโปรดบ้างไหม ถ้ามีล่ะก็ มีวิธีดูแลรักษายังไงบ้างจ๊ะ ไหนลองเอามาบอกพี่ปัดหน่อยนะจ๊ะ
เรื่องน่ารู้
1.
ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก
2.
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ
3.
ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น
4.
ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน
5.
มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป
6.
พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้
7.
เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้
เฉลย
จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น
8.
เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น
9.
นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา
10.
ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้
ชุดคำถามที่ 2 หมวดกินเพื่อสุขภาพ
1.
กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้
2.
เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้
3.
มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย
4.
ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร
5.
การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง
6.
การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น
7.
กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย
8.
การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล
9.
การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย
10.
การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม
ชุดคำถามที่ 3 หมวดรู้ไว้ใช่ว่า
1.
การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป
2.
ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือนสั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย
3.
การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้
4.
แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน
5.
ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์
6.
วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า
7.
เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ
เฉลย
จริง การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม
8.
การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
9.
แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซา ได้
10.
การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้
ชุดคำถามที่ 4 หมวดความสวยความงาม
1.
กินหวานมากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่นในที่สุด
2.
การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิตบริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น
3.
เอาน้ำแข็งถูหน้าก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย
4.
การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่าเดิม
5.
คนผิวแห้งมีโอกาสเกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือสารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน
6.
การฝึกกลั้นหายใจสามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้
7.
การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มากถึง 50 แคลอรี
8.
กาวตราช้างใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วยกาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออกไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง
9.
การเต้นรำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวันละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี
10.
การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นจนทำให้ขาใหญ่ ถ้าหากจำเป็นต้องใส่กระโปรงสั้นจริงๆ ควรใส่ถุงน่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
Privacy Policy About UsCopyright © 2000-2008 - Job Online Co.,Ltd. All rights reserved.Contact Webmaster : Webmaster@Jobpub.com
ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก
2.
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ
3.
ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น
4.
ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน
5.
มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป
6.
พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้
7.
เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้
เฉลย
จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น
8.
เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ
เฉลย
จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น
9.
นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา
10.
ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้
ชุดคำถามที่ 2 หมวดกินเพื่อสุขภาพ
1.
กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้
2.
เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้
3.
มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย
4.
ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร
5.
การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง
6.
การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น
7.
กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย
8.
การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล
9.
การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย
10.
การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม
ชุดคำถามที่ 3 หมวดรู้ไว้ใช่ว่า
1.
การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป
2.
ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือนสั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีกด้วย
3.
การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้
4.
แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน
5.
ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์
6.
วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า
7.
เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ
เฉลย
จริง การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม
8.
การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
9.
แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซา ได้
10.
การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการปวดข้อลงได้
ชุดคำถามที่ 4 หมวดความสวยความงาม
1.
กินหวานมากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ผิว ทำให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และเหี่ยวย่นในที่สุด
2.
การยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะปลายนิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิตบริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น
3.
เอาน้ำแข็งถูหน้าก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะแห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะหาย
4.
การสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะที่ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่าเดิม
5.
คนผิวแห้งมีโอกาสเกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือสารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิวมัน
6.
การฝึกกลั้นหายใจสามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึงหายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้
7.
การร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ
เฉลย
ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วยเผาผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวันละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มากถึง 50 แคลอรี
8.
กาวตราช้างใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วยกาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ ถูกรบกวน จึงมีการซ่อมแซมตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออกไป แต่ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง
9.
การเต้นรำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวันละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดี
10.
การใส่กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริงหรือ
เฉลย
จริง เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่อผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์ขึ้นจนทำให้ขาใหญ่ ถ้าหากจำเป็นต้องใส่กระโปรงสั้นจริงๆ ควรใส่ถุงน่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
Privacy Policy About UsCopyright © 2000-2008 - Job Online Co.,Ltd. All rights reserved.Contact Webmaster : Webmaster@Jobpub.com
ภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเรียนไทยมากอีกภาษาหนึ่ง น่าเสียดายที่ระยะหลังสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศสในโรงเรียนกลายเป็นห้องที่รองรับนักเรียนที่ "เรียนอะไรไม่ได้แล้ว" จึงมาเรียนภาษาฝรั่งเศส ทุกคนสามารถเรียนภาษาฝรั่งเศสได้ แต่ถ้าจะเรียนให้ได้ดีนั้นไม่ใช้เรื่องง่าย จึงไม่แปลกที่นักเรียนกว่า 80% จะทิ้งภาษาฝรั่งเศสเมื่อเรียนจบ ม. 6 และมีนักศึกษาที่จบปริญญาตรีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถนำภาษาฝรั่งเศสมาใช้จริงในโลกแห่งการทำงาน
คนที่จะเรียนภาษาฝรั่งเศสให้ได้ดีนั้น ต้องมีความอดทน เพราะไวยากรณ์ภาษาฝรั่งเศสมีความยุ่งยากซับซ้อนมาก หากไม่ตั้งใจเรียนอย่างต่อเนี่องก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
นักเรียนที่คิดจะเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศส ขอให้รู้ว่า
1. ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่มี 2 เพศ นอกจากจะต้องท่องคำศัพท์แล้วจะต้องท่องด้วยว่า คำ ๆ นั้นเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย เช่น โต๊ะ = une table เป็นเพศหญิง แทนที่จะท่องแค่ Table เหมือนภาษาอังกฤษ ก็ต้องท่องว่าเป็นเพศหญิงเพิ่มเติม ถ้าท่องเพศผิดจะมีผลต่อโครงสร้างประโยคด้วย แค่เรื่องศัพท์ก็หนักกว่าภาษาอังกฤษ 2 เท่า
2. ภาษาฝรั่งเศสมีการกระจายกริยาที่ซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษ เช่น v.être ที่แปลว่าเป็นอยู่คือ ภาษาอังกฤษ verb to be ในกาลปัจจุบัน คือ is am are ส่วนภาษาฝรั่งเศส แค่ช่องปัจจุบันช่องเดียว มีรูปกริยาถึง 6 แบบที่ผันตามประธาน คือ
Je suis
tu es
il/elle est
nous sommes
vous êtes
ils/elles sont
ถ้ารวมการผันกริยาในกาลอื่น ๆ เข้าไปอีก กริยา 1 ตัว จะมีรูปให้จำถึงกว่า 50 รูป โชคดีที่มีกฎเพื่อการกระจายกริยามาช่วย ทำให้การกระจายกริยาเป็นระบบระเบียบพอสมควร ผู้เรียนจึงต้องใส่ใจที่จะจำกฎ เพราะถ้าจำกฎไม่ได้ การกระจายกริยาก็จะทำให้ชีวิตการเรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นเรื่องทรมานที่สุด
นี่เป็นตัวอย่างคร่าว ๆ ของ "ธรรมชาติ" ภาษาฝรั่งเศส ที่อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีของคนที่ "เรียนอะไรไม่ได้แล้ว" จึงมาเรียนภาษาฝรั่งเศส คนที่เรียนภาษาฝรั่งเศสเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตจะต้องทุ่มเท สม่ำเสมอกับการเรียน และจะต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งฟัง พูด อ่าน และเขียน จึงจะสามารถออกมาหางานทำเงินเดือนดี ๆ ได้ ล่าสุดภาษาฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากคนฝรั่งเศสนิยมมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น สถิติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพบว่า ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศส เพิ่มขึ้นถึงกว่า 29% ดังนั้นภาษาฝรั่งเศสจึงเป็นภาษาที่มีอนาคตดีอีกภาษาหนึ่งทีเดียว
เหตุผลที่ควรเรียนภาษาฝรั่งเศส จากสมาคมครูฝรั่งเศสแห่งประเทศไทย
ข้อมูลการเปิดสอนภาษาฝรั่งเศสในสถาบันการศึกษา
รศ. ดร. ธิดา บุญธรรม และ ดร. จงกล สุภาเวชย์
ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ พุทธศํกราช 2544 ภาษาอังกฤษได้รับการกำหนดให้เป็นสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศที่นักเรียนทุกคนต้องเรียนในทุกระดับ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุน จีน และภาษาอื่นๆ ได้ถูกกำหนดให้เป็นสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมซึ่งผู้เรียนรู้ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งผู้เรียนที่เน้นทางภาษาและผู้เรียนที่เน้นทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สามารถเลือกเรียนได้ 1 ภาษาควบคู่กับการเรียนภาษาอังกฤษ ตามความสนใจ หรือตามที่คิดว่าจะใช้ภาษานั้นในการประกอบอาชีพ หรือในการศึกษาค้นคว้าในอนาคต ทั้งนี้การเปิดสอนภาษาใด เพื่อสนองความต้องการของผู้เรียนต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงเรียนว่ามีครูผู้สอนที่มีวุฒิในภาษานั้นหรือไม่
ในระดับอุดมศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยเอกชนมีคณะต่างๆ ที่เปิดสอนภาษาฝรั่งเศสต่อเนื่องจากระดับมัธยมศึกษา ผู้เรียนสามารถเลือกภาษาฝรั่งเศสเป็นวิชาหนึ่งในสามวิชาในการสอบ A NET เพื่อเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
ในประเทศไทย ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาต่างประเทศที่มีผู้เลือกเรียนมากเป็นอันดับ 1 แต่ละปีมีผู้เลือกเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมากกว่า 41000 คน เหตุผลในการเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสโดยทั่วไปก็คือ เป็นภาษาที่มีเสียงไพเราะ นุ่มนวล อยากไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศส เพราะเป็นดินแดนแห่งศิลปวัฒนธรรมสวยงามมาก อยากร้องเพลง อ่านป้ายสินค้า เครื่องสำอาง น้ำหอมฝรั่งเศสได้ และอยากรับประทานอาหารฝรั่งเศส เพราะมีชื่อเสียงระดับโลกว่าอร่อย น่ารับประทาน และมีวิธีรับประทานที่หรูหรา ต้องดื่มเหล้าองุ่นขาวหรือองุ่นแดงแล้วแต่ประเภทอาหาร ซึ่งเป็นวัฒนธรรมในการรับประทานที่เป็นที่ยอมรับในสังคมชั้นสูง นั่นคือความสนใจเบื้องต้น
การเลือกเรียนภาษาต่างประเทศอีกหนึ่งภาษา ควบคู่กับภาษาอังกฤษ ควรมีวิจารณญาณและเหตุผลที่ชัดเจนในการเลือก เห็นความสำคัญและประโยชน์ีที่กว้างขวาง มิใช่การเลือกตามแฟชั่น ผู้เรียนทุกคนคงอยากจะนำภาษาที่เรียนไปใช้ได้ในหลายๆ ประเทศ ภาษาฝรั่งเศสมิได้ใช้พูดเฉพาะในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น ภาษาฝรั่งเศสใช้พูดใน 35 ประเทศในโลก ประเทศเหล่านี้กระจายอยู่ใน 5 ทวีป ประชากร 120 ล้านคนพูดภาษาฝรั่งเศส เช่น ในยุโรป มีประเทศใหญ่ๆ ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสคือ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม สวิสเซอร์แลนด์ ลักเซ็มเบิร์ก ประเทศเล็กๆ ที่ได้ยินการกล่าวขวัญบ่อยๆ คือ โมนาโค ก็ใช้ภาษาฝรั่งเศส ทวีปอเมริการเหนือภาษาฝรั่งเศสใช้ในประเทศคานาดา ที่เมืองควิเบค และมอนทรีล ในประเทศอเมริกา ที่เมือง หลุยส์เซียน่า ในอเมริกาใต้ ที่เกาะกัวเดอลู มาร์ตินิค เฟร้นช์กิอาน่า ในทวีปอาฟริกามีอาณานิคมเก่าของฝรั่งเศสจำนวนมากที่ยังใช้ภาษาฝรั่งเศส ในเอเซีย ภาษาฝรั่งเศสยังคงใช้อยู่ในประเทศลาว เวียตนาม และกัมพูชา หากท่านคิดว่าอาจจะติดต่อทางธุรกิจกับ 35 ประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสหรือจะไปเที่ยวในประเทศเหล่านี้ ก็ควรเรียนภาษาฝรั่งเศส นอกจากนี้ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปหรืออียู 25 ประเทศ ก็ยังใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งควบคู่กับภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมัน
การเรียนภาษาต่างประเทศเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการค้นคว้า วิจัย ตักตวงความรู้ทางวิทยาการและเทคโนโลยี ควรเรียนภาษาฝรั่งเศส เพราะประเทศฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม แคนาดา มีความก้าวหน้าสูงมากในหลายๆ ด้าน เช่น ทางด้านวิศวกรรม การสร้างจรวด อาวุธ ดาวเทียม อวกาศ เคมี อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา เครื่องสำอาง การแพทย์ เวชภัณฑ์ การทำศัลยกรรมพลาสติก การเกษตร การตัดต่อพันธุกรรม สถาปัตยกรรม การวางผังเมือง การออกแบบตกแต่งภายใน ฯ
สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อด้านนิติศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์ ควรเรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นอย่างยิ่ง เพราะกฎหมายของประเทศฝรั่งเศสเป็นแม่บทกฎหมายที่สำคัญของโลก
ภาษาฝรั่งเศสมีประโยชน์ต่อการเรียนทางด้านวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อทางด้านอักษรศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ ครุศาสตร์ โบราณคดี นิเทศศาสตร์ ศิลปกรรม การออกแบบ ด้านแฟชั่น การโรงแรม การท่องเที่ยว การประกอบอาหาร (restauration)
นอกจากนี้ ภาษาฝรั่งเศสยังเป็นภาษาราชการหนึ่งขององค์การระหว่างประเทศ เป็นภาษาของการกีฬาโอลิมปิค เป็นภาษาราชการของการไปรษณีย์สากล
การทำธุรกิจการค้าของประเทศไทย ควรเปิดตลาดการค้ากับประเทศที่่ใช้ภาษาฝรั่งเศส เพราะมีจำนวนมาก โดยเฉพาะกับประเทศต่างๆ ในทวีปอาฟริกา ซึ่งมีพลเมืองหนาแน่นและมีทรัพยากรน้ำมัน ขณะนี้บริษัทใหญ่ของฝรั่งเศสได้เข้ามาค้าขายทำธุรกิจในประเทศไทยมากกว่า 350 บริษัท สินค้าไทยส่งไปขายในฝรั่งเศสปีละหลายพันล้าน ไทยไม่เคยเสียดุลย์การค้ากับประเทศฝรั่งเศส
นักท่องเที่ยวที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเข้ามาเที่ยวและใช้เวลาพักผ่อนในประเทศไทยโดยเฉลี่ยประมาณ 7-10 วัน มากกว่าปีละ 3 แสนคน มีโรงแรมในเครือของฝรั่งเศสมาตั้งในประเทศไทยหลายโรง เราจึงจำเป็นต้องสร้างบุคลากรที่สามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสารได้เป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพทางด้านธุรกิจ การโรงแรม การท่องเที่ยว การประกอบอาหาร ภาษาฝรั่งเศสมีหลักสูตรพร้อมสำหรับการศึกษาอาชีพในด้านเหล่านี้
อนึ่ง เพื่อเป็นการสร้างเยาวชนยุคใหม่ให้มีความรู้ทางวิทยาการและเทคโนโลยีหลากหลาย ในปี 2547 รัฐบาลไทยจึงได้ส่งนักเรียนทุน "หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน" ไปเรียนในประเทศต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ นักเรียนทุนรวม 923 คน เลือกไปศึกษาต่อในประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสดังนี้ เลือกประเทศฝรั่งเศส 164 คน เลือกสมาพันธรัฐสวิส 25 คน และเลือกราชอาณาจักรเบลเยี่ยม 23 คน ในอนาคตเยาวชนไทยเหล่านี้จะใช้ภาษาฝรั่งเศส และนำวิทยาการจากประเทศที่เรียนมาใช้ในการพัฒนาประเทศ คาดว่าทุนรัฐบาลไทยในปี 2549 จะมีผู้เลือกไปเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสจำนวนมากเหมือนเดิม เพราะเป็นประเทศผู้นำทางเทคโนโลยี
รัฐบาลฝรั่งเศส และประเทศใหญ่ๆ ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสให้ทุนแก่ผู้ที่เรียนภาษาฝรั่งเศสจำนวนมากในแต่ละปีแก่ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา ทั้งผู้เรียนทางภาษา และคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นทุนระยะสั้นเพื่อไปเรียนภาษาและทัศนศึกษา ระดับอุดมศึกษาก็ให้ทุนในรูปแบบต่างๆ ด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรม การเกษตร การใช้ไอที ฯลฯ
เหตุผลประการสุดท้ายในการเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสก็คือ การเรียนการสอบภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทยได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลามากกว่า 30 ปี ครูภาษาฝรั่งเศสจำนวน 500 กว่าคน ได้รับทุนไปฝึกอบรมในประเทศฝรั่งเศสทั้งระยะสั้น 1-2 เืดือน ระยะยาว 7-9 เดือน ทุนศึกษาปริญญาโท 20 เดือน ครูทุกคนมีความรู้ภาษาฝรั่งเศสระดับปริญญาตรี ประมาณ 20% มีความรู้ปริญญาโท ปริญญาเอก และครู ประมาณ 50%ได้ไปรับการอบรมในประเทศฝรั่งเศสถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังได้หมุนเวียนกันเข้ารับการอบรมในประเทศทุกปิดภาคเรียน เช่น หลักสูตรพัฒนาภาษา หลักสูตรพัฒนาเทคนิคการสอน หลักสูตรผู้นำทางวิชาการ หลักสูตรการใช้ไอทีในการสอน เพื่อการอบรมขยายผลต่อในระดับท้องถิ่น ครูภาษาฝรั่งเศสจึงมีความพร้อมด้านคุณวุฒิ การสอนภาษาฝรั่งเศสนี้ได้รับการดูแลอย่างดี จากศึกษานิเทศก์ภาษาฝรั่งเศส สำนักฑูตวัฒนธรรมฝรั่งเศสและสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทย ในแต่ละปีรัฐบาลฝรั่งเศสให้ความสนับสนุนด้านทุน สำหรับครู นักเรียนและผู้บริหารโรงเรียน เพื่อไปฝึกอบรม ทัศนศึกษา และดูงานในประเทศฝรั่งเศส การสอนภาษาฝรั่งเศสมีสื่อการเรียนที่น่าสนใจ สอดคล้องกับหลักสูตรใหม่ กิจกรรมการเรียนการสอนสนุกสนาน ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาเดียวที่จัดงานชุมนุมนักเรียนระดับประเทศทุกๆ ปี เพื่อให้นักเรียนได้มาแสดงความสามารถทางภาษาและสนุกสนานร่วมกัน ในงานนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์นายกกิตติมศักดิ์ของสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทยเสด็จเป็นประธาน พระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขัน การเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทยจึงมีคุณภาพสูง และความพร้อมในทุกๆ ด้าน
คนที่จะเรียนภาษาฝรั่งเศสให้ได้ดีนั้น ต้องมีความอดทน เพราะไวยากรณ์ภาษาฝรั่งเศสมีความยุ่งยากซับซ้อนมาก หากไม่ตั้งใจเรียนอย่างต่อเนี่องก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
นักเรียนที่คิดจะเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศส ขอให้รู้ว่า
1. ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่มี 2 เพศ นอกจากจะต้องท่องคำศัพท์แล้วจะต้องท่องด้วยว่า คำ ๆ นั้นเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย เช่น โต๊ะ = une table เป็นเพศหญิง แทนที่จะท่องแค่ Table เหมือนภาษาอังกฤษ ก็ต้องท่องว่าเป็นเพศหญิงเพิ่มเติม ถ้าท่องเพศผิดจะมีผลต่อโครงสร้างประโยคด้วย แค่เรื่องศัพท์ก็หนักกว่าภาษาอังกฤษ 2 เท่า
2. ภาษาฝรั่งเศสมีการกระจายกริยาที่ซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษ เช่น v.être ที่แปลว่าเป็นอยู่คือ ภาษาอังกฤษ verb to be ในกาลปัจจุบัน คือ is am are ส่วนภาษาฝรั่งเศส แค่ช่องปัจจุบันช่องเดียว มีรูปกริยาถึง 6 แบบที่ผันตามประธาน คือ
Je suis
tu es
il/elle est
nous sommes
vous êtes
ils/elles sont
ถ้ารวมการผันกริยาในกาลอื่น ๆ เข้าไปอีก กริยา 1 ตัว จะมีรูปให้จำถึงกว่า 50 รูป โชคดีที่มีกฎเพื่อการกระจายกริยามาช่วย ทำให้การกระจายกริยาเป็นระบบระเบียบพอสมควร ผู้เรียนจึงต้องใส่ใจที่จะจำกฎ เพราะถ้าจำกฎไม่ได้ การกระจายกริยาก็จะทำให้ชีวิตการเรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นเรื่องทรมานที่สุด
นี่เป็นตัวอย่างคร่าว ๆ ของ "ธรรมชาติ" ภาษาฝรั่งเศส ที่อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีของคนที่ "เรียนอะไรไม่ได้แล้ว" จึงมาเรียนภาษาฝรั่งเศส คนที่เรียนภาษาฝรั่งเศสเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตจะต้องทุ่มเท สม่ำเสมอกับการเรียน และจะต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งฟัง พูด อ่าน และเขียน จึงจะสามารถออกมาหางานทำเงินเดือนดี ๆ ได้ ล่าสุดภาษาฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากคนฝรั่งเศสนิยมมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น สถิติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพบว่า ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศส เพิ่มขึ้นถึงกว่า 29% ดังนั้นภาษาฝรั่งเศสจึงเป็นภาษาที่มีอนาคตดีอีกภาษาหนึ่งทีเดียว
เหตุผลที่ควรเรียนภาษาฝรั่งเศส จากสมาคมครูฝรั่งเศสแห่งประเทศไทย
ข้อมูลการเปิดสอนภาษาฝรั่งเศสในสถาบันการศึกษา
รศ. ดร. ธิดา บุญธรรม และ ดร. จงกล สุภาเวชย์
ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ พุทธศํกราช 2544 ภาษาอังกฤษได้รับการกำหนดให้เป็นสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศที่นักเรียนทุกคนต้องเรียนในทุกระดับ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุน จีน และภาษาอื่นๆ ได้ถูกกำหนดให้เป็นสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมซึ่งผู้เรียนรู้ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้งผู้เรียนที่เน้นทางภาษาและผู้เรียนที่เน้นทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สามารถเลือกเรียนได้ 1 ภาษาควบคู่กับการเรียนภาษาอังกฤษ ตามความสนใจ หรือตามที่คิดว่าจะใช้ภาษานั้นในการประกอบอาชีพ หรือในการศึกษาค้นคว้าในอนาคต ทั้งนี้การเปิดสอนภาษาใด เพื่อสนองความต้องการของผู้เรียนต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงเรียนว่ามีครูผู้สอนที่มีวุฒิในภาษานั้นหรือไม่
ในระดับอุดมศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยเอกชนมีคณะต่างๆ ที่เปิดสอนภาษาฝรั่งเศสต่อเนื่องจากระดับมัธยมศึกษา ผู้เรียนสามารถเลือกภาษาฝรั่งเศสเป็นวิชาหนึ่งในสามวิชาในการสอบ A NET เพื่อเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
ในประเทศไทย ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาต่างประเทศที่มีผู้เลือกเรียนมากเป็นอันดับ 1 แต่ละปีมีผู้เลือกเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมากกว่า 41000 คน เหตุผลในการเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสโดยทั่วไปก็คือ เป็นภาษาที่มีเสียงไพเราะ นุ่มนวล อยากไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศส เพราะเป็นดินแดนแห่งศิลปวัฒนธรรมสวยงามมาก อยากร้องเพลง อ่านป้ายสินค้า เครื่องสำอาง น้ำหอมฝรั่งเศสได้ และอยากรับประทานอาหารฝรั่งเศส เพราะมีชื่อเสียงระดับโลกว่าอร่อย น่ารับประทาน และมีวิธีรับประทานที่หรูหรา ต้องดื่มเหล้าองุ่นขาวหรือองุ่นแดงแล้วแต่ประเภทอาหาร ซึ่งเป็นวัฒนธรรมในการรับประทานที่เป็นที่ยอมรับในสังคมชั้นสูง นั่นคือความสนใจเบื้องต้น
การเลือกเรียนภาษาต่างประเทศอีกหนึ่งภาษา ควบคู่กับภาษาอังกฤษ ควรมีวิจารณญาณและเหตุผลที่ชัดเจนในการเลือก เห็นความสำคัญและประโยชน์ีที่กว้างขวาง มิใช่การเลือกตามแฟชั่น ผู้เรียนทุกคนคงอยากจะนำภาษาที่เรียนไปใช้ได้ในหลายๆ ประเทศ ภาษาฝรั่งเศสมิได้ใช้พูดเฉพาะในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น ภาษาฝรั่งเศสใช้พูดใน 35 ประเทศในโลก ประเทศเหล่านี้กระจายอยู่ใน 5 ทวีป ประชากร 120 ล้านคนพูดภาษาฝรั่งเศส เช่น ในยุโรป มีประเทศใหญ่ๆ ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสคือ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม สวิสเซอร์แลนด์ ลักเซ็มเบิร์ก ประเทศเล็กๆ ที่ได้ยินการกล่าวขวัญบ่อยๆ คือ โมนาโค ก็ใช้ภาษาฝรั่งเศส ทวีปอเมริการเหนือภาษาฝรั่งเศสใช้ในประเทศคานาดา ที่เมืองควิเบค และมอนทรีล ในประเทศอเมริกา ที่เมือง หลุยส์เซียน่า ในอเมริกาใต้ ที่เกาะกัวเดอลู มาร์ตินิค เฟร้นช์กิอาน่า ในทวีปอาฟริกามีอาณานิคมเก่าของฝรั่งเศสจำนวนมากที่ยังใช้ภาษาฝรั่งเศส ในเอเซีย ภาษาฝรั่งเศสยังคงใช้อยู่ในประเทศลาว เวียตนาม และกัมพูชา หากท่านคิดว่าอาจจะติดต่อทางธุรกิจกับ 35 ประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสหรือจะไปเที่ยวในประเทศเหล่านี้ ก็ควรเรียนภาษาฝรั่งเศส นอกจากนี้ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปหรืออียู 25 ประเทศ ก็ยังใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งควบคู่กับภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมัน
การเรียนภาษาต่างประเทศเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการค้นคว้า วิจัย ตักตวงความรู้ทางวิทยาการและเทคโนโลยี ควรเรียนภาษาฝรั่งเศส เพราะประเทศฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม แคนาดา มีความก้าวหน้าสูงมากในหลายๆ ด้าน เช่น ทางด้านวิศวกรรม การสร้างจรวด อาวุธ ดาวเทียม อวกาศ เคมี อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา เครื่องสำอาง การแพทย์ เวชภัณฑ์ การทำศัลยกรรมพลาสติก การเกษตร การตัดต่อพันธุกรรม สถาปัตยกรรม การวางผังเมือง การออกแบบตกแต่งภายใน ฯ
สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อด้านนิติศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์ ควรเรียนภาษาฝรั่งเศสเป็นอย่างยิ่ง เพราะกฎหมายของประเทศฝรั่งเศสเป็นแม่บทกฎหมายที่สำคัญของโลก
ภาษาฝรั่งเศสมีประโยชน์ต่อการเรียนทางด้านวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อทางด้านอักษรศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ ครุศาสตร์ โบราณคดี นิเทศศาสตร์ ศิลปกรรม การออกแบบ ด้านแฟชั่น การโรงแรม การท่องเที่ยว การประกอบอาหาร (restauration)
นอกจากนี้ ภาษาฝรั่งเศสยังเป็นภาษาราชการหนึ่งขององค์การระหว่างประเทศ เป็นภาษาของการกีฬาโอลิมปิค เป็นภาษาราชการของการไปรษณีย์สากล
การทำธุรกิจการค้าของประเทศไทย ควรเปิดตลาดการค้ากับประเทศที่่ใช้ภาษาฝรั่งเศส เพราะมีจำนวนมาก โดยเฉพาะกับประเทศต่างๆ ในทวีปอาฟริกา ซึ่งมีพลเมืองหนาแน่นและมีทรัพยากรน้ำมัน ขณะนี้บริษัทใหญ่ของฝรั่งเศสได้เข้ามาค้าขายทำธุรกิจในประเทศไทยมากกว่า 350 บริษัท สินค้าไทยส่งไปขายในฝรั่งเศสปีละหลายพันล้าน ไทยไม่เคยเสียดุลย์การค้ากับประเทศฝรั่งเศส
นักท่องเที่ยวที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเข้ามาเที่ยวและใช้เวลาพักผ่อนในประเทศไทยโดยเฉลี่ยประมาณ 7-10 วัน มากกว่าปีละ 3 แสนคน มีโรงแรมในเครือของฝรั่งเศสมาตั้งในประเทศไทยหลายโรง เราจึงจำเป็นต้องสร้างบุคลากรที่สามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสารได้เป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพทางด้านธุรกิจ การโรงแรม การท่องเที่ยว การประกอบอาหาร ภาษาฝรั่งเศสมีหลักสูตรพร้อมสำหรับการศึกษาอาชีพในด้านเหล่านี้
อนึ่ง เพื่อเป็นการสร้างเยาวชนยุคใหม่ให้มีความรู้ทางวิทยาการและเทคโนโลยีหลากหลาย ในปี 2547 รัฐบาลไทยจึงได้ส่งนักเรียนทุน "หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน" ไปเรียนในประเทศต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ นักเรียนทุนรวม 923 คน เลือกไปศึกษาต่อในประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสดังนี้ เลือกประเทศฝรั่งเศส 164 คน เลือกสมาพันธรัฐสวิส 25 คน และเลือกราชอาณาจักรเบลเยี่ยม 23 คน ในอนาคตเยาวชนไทยเหล่านี้จะใช้ภาษาฝรั่งเศส และนำวิทยาการจากประเทศที่เรียนมาใช้ในการพัฒนาประเทศ คาดว่าทุนรัฐบาลไทยในปี 2549 จะมีผู้เลือกไปเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสจำนวนมากเหมือนเดิม เพราะเป็นประเทศผู้นำทางเทคโนโลยี
รัฐบาลฝรั่งเศส และประเทศใหญ่ๆ ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสให้ทุนแก่ผู้ที่เรียนภาษาฝรั่งเศสจำนวนมากในแต่ละปีแก่ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา ทั้งผู้เรียนทางภาษา และคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นทุนระยะสั้นเพื่อไปเรียนภาษาและทัศนศึกษา ระดับอุดมศึกษาก็ให้ทุนในรูปแบบต่างๆ ด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรม การเกษตร การใช้ไอที ฯลฯ
เหตุผลประการสุดท้ายในการเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสก็คือ การเรียนการสอบภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทยได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลามากกว่า 30 ปี ครูภาษาฝรั่งเศสจำนวน 500 กว่าคน ได้รับทุนไปฝึกอบรมในประเทศฝรั่งเศสทั้งระยะสั้น 1-2 เืดือน ระยะยาว 7-9 เดือน ทุนศึกษาปริญญาโท 20 เดือน ครูทุกคนมีความรู้ภาษาฝรั่งเศสระดับปริญญาตรี ประมาณ 20% มีความรู้ปริญญาโท ปริญญาเอก และครู ประมาณ 50%ได้ไปรับการอบรมในประเทศฝรั่งเศสถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังได้หมุนเวียนกันเข้ารับการอบรมในประเทศทุกปิดภาคเรียน เช่น หลักสูตรพัฒนาภาษา หลักสูตรพัฒนาเทคนิคการสอน หลักสูตรผู้นำทางวิชาการ หลักสูตรการใช้ไอทีในการสอน เพื่อการอบรมขยายผลต่อในระดับท้องถิ่น ครูภาษาฝรั่งเศสจึงมีความพร้อมด้านคุณวุฒิ การสอนภาษาฝรั่งเศสนี้ได้รับการดูแลอย่างดี จากศึกษานิเทศก์ภาษาฝรั่งเศส สำนักฑูตวัฒนธรรมฝรั่งเศสและสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทย ในแต่ละปีรัฐบาลฝรั่งเศสให้ความสนับสนุนด้านทุน สำหรับครู นักเรียนและผู้บริหารโรงเรียน เพื่อไปฝึกอบรม ทัศนศึกษา และดูงานในประเทศฝรั่งเศส การสอนภาษาฝรั่งเศสมีสื่อการเรียนที่น่าสนใจ สอดคล้องกับหลักสูตรใหม่ กิจกรรมการเรียนการสอนสนุกสนาน ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาเดียวที่จัดงานชุมนุมนักเรียนระดับประเทศทุกๆ ปี เพื่อให้นักเรียนได้มาแสดงความสามารถทางภาษาและสนุกสนานร่วมกัน ในงานนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์นายกกิตติมศักดิ์ของสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทยเสด็จเป็นประธาน พระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขัน การเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทยจึงมีคุณภาพสูง และความพร้อมในทุกๆ ด้าน
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ภาษาฝรั่งเศส
ข้อมูลทั่วไปประชากร ประชากรจำนวน 62.2 ล้านคน (ปี 2005) ความหนาแน่นของประชากร 96 คนต่อตารางกิโลเมตร เมืองมีประชากรมากกว่า 100,000 คนมีถึง 57 เมืองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ - พื้นที่เกษตรกรรมและทำป่าไม้มีประมาณ 48 ล้านเฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 82 ของพื้นที่โดยรวมทั้งประเทศ (เฉพาะฝรั่งเศสส่วนภาคพื้นทวีป) - พื้นที่ป่ามีประมาณร้อยละ 30 และนับว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรปรองจากสวีเดนและฟินแลนด์ ตั้งแต่ปี 1945 พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 และถ้าพูดถึงในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา นับว่าเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว - ฝรั่งเศสมีความแตกต่างไปจากประเทศอื่นๆในยุโรปเพราะมีพันธุ์ไม้มากถึง 136 ชนิด ในส่วนของสัตว์ใหญ่ก็เพิ่มจำนวนขึ้น ภายในช่วงระยะเวลา 20 ปี จำนวนของสัตว์ประเภทกวางเพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่า ประเทศฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับมรดกทางธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จึงได้มีการจัดตั้ง- อุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง- ป่าสงวน 156 แห่ง- เขตรักษาพันธุ์พืชและสัตว์ป่า 516 แห่ง- รวมทั้งประกาศให้พื้นที่อีก 429 แห่งเป็นเขตอนุรักษ์อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันอนุรักษ์ชายฝั่งทะเล- นอกจากนี้ยังมีอุทยานธรรมชาติตามภูมิภาคต่างๆ อีกกว่า 37 แห่งซึ่งกินพื้นที่กว่าร้อยละ 7 ของประเทศงบประมาณจำนวน 32 พันล้านยูโรได้รับการจัดสรรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อประชากรจะเท่ากับ 516 ยูโร ทั้งนี้ 3 ส่วน 4 ของเงินข้างต้นจะเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของการบำบัดน้ำเสียและการจัดการของเสียต่างๆในระดับนานาชาติ ฝรั่งเศสเป็นภาคีของสนธิสัญญาและอนุสัญญาทางด้านสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและการแปรสภาพเป็นทะเลทรายพื้นที่ ฝรั่งเศสมีพื้นที่ 550,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก (ประมาณเกือบหนึ่งในห้าของพื้นที่ของสหภาพยุโรป) อีกทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง (เขตเศรษฐกิจจำเพาะมีพื้นที่ทั้งสิ้น 11 ล้านตารางกิโลเมตร)
คลิกดูแผนที่ประเทศฝรั่งเศส
ภูมิประเทศและสภาพอากาศที่ตั้งและขนาด ประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่ในยุโรปตะวันตกระหว่างมหาสมทุรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ล้อมรอบด้วยประเทศเพื่อนบ้าน 6 ประเทศ ทิศเหนือ คือ ลุกเซมเบอร์กและเบลเยี่ยม ทิศใต้ ประเทศสปน ทิศตะวันออก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และเยอรมัน ทิศตะวันตก ติดมหาสมุทรแอตแลนติค ขนาดพื้นที่และจำนวนประชากรของฝรั่งเศสนับว่าใกล้เคียงกับประเทศไทยมาก กล่าวคือ ฝรั่งเศสมีพื้นที่และ จำนวนประชาชน ของฝรั่งเศส นับว่าใกล้เคียงกับประเทศไทยมาก กล่าวคือ ฝรั่งเศสมีพื้นที่ จำนวน 551,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนประเทศไทยมีพื้นที่ 513,142 ตารางกิโลเมตร ประชากรฝรั่งเศสมีประมาณ 58.5 ล้านคน ประเทศไทยมีประมาณ 60 ล้านคนภูมิอากาศ แบ่งเป็น 4 ฤดู คือฤดูใบไม้ผลิ 21 มีนาคม – 21 มิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ย 1 ถึง 22ฐ Cฤดูร้อน 22 มิถุนายน – 22 กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ย 10 ถึง 25ฐ Cฤดูใบไม้ร่วง 23 กันยายน – 21 ธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 0 ถึง 21ฐ Cฤดูหนาว 22 ธันวาคม – 20 มีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ย -1 ถึง 15ฐ C
การศึกษาต่อในประเทศฝรั่งเศส
การเตรียมตัวก่อนไปฝรั่งเศสการเตรียมตัวก่อนไปฝรั่งเศสเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในการศึกษา ขั้นตอนต่างๆ เช่น การหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส การเลือกสาขาวิชา การสมัครเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษา และการขอวีซ่าระยะยาวประเภทนักศึกษา เป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องปฏิบัติก่อนออกเดินทาง อนึ่ง ท่านจะต้องมีแหล่งรายได้ที่เพียงพอสำหรับการศึกษาในฝรั่งเศส (ทุนการศึกษา หรือเงินช่วยเหลือ หรือการอุดหนุนจากครอบครัว)การสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าในมหาวิทยาลัย กรณีการศึกษาปีที่ 1 และปีที่ 2การสมัครเข้าเรียนล่วงหน้า เป็นข้อบังคับในกรณีที่ท่านจะลงทะเบียนเรียนเป็นครั้งแรกในช่วงการศึกษาที่ 1 (ปี 1 และปี2) ของมหาวิทยาลัยทุกสาขาวิชา รวมถึงปี 1 สาขาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทศาสตร์, ปี 1 สาขาวิชาเภสัชศาสตร์และปี 1 ชั้นเตรียมศึกษากฎหมาย ในกรณีดังกล่าว หลังจากที่ท่านได้เลือกสาขาวิชาที่ท่านจะไปศึกษา และสถาบันการศึกษาที่ท่านสนใจได้แล้ว ท่านจะต้องติดต่อขอใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้า จากฝ่ายวัฒนธรรมแห่งสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศที่อาศัยอยู่ โดยที่ท่านอาจไปติดต่อด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ข้อยกเว้นในกรณีที่ท่านอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสโดยมีใบอนุญาตประจำตัวคนต่างชาติ ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี ท่านสามารถติดต่อขอใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าจากมหาวิทยาลัย ที่ท่านเลือกเป็นอันดับแรกในกรณีที่ผู้ปกครองหรือคู่สมรสของท่านอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส โดยมีใบอนุญาตประจำตัวคนต่างชาติที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 3 ปี ท่านสามารถติดต่อขอใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าจากมหาวิทยาลัยที่ท่านเลือกเป็นอันดับแรกเช่นกันวิธีปฏิบัติในทุกกรณี ท่านมีสิทธิที่จะสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าในมหาวิทยาลัยได้สองแห่ง โดยบอกลำดับที่ ต้องการยกเว้นสำหรับมหาวิทยาลัยในเขตการศึกษา ปารีส เครแตยและแวร์ซายส์ ซึ่งท่านมีสิทธิที่จะเลือกมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวเมื่อได้กรอกแล้ว ท่านจะต้องส่งใบสมัคร (พร้อมหลักฐานที่จำเป็น) กลับไปยังหน่วยงานที่ท่านได้ไปขอมา หากมหาวิทยาลัยที่ท่านได้เลือกเป็นอันดับแรกไม่รับท่านเข้าศึกษา มหาวิทยาลัยดังกล่าวจะรับหน้าที่ส่งเรื่องต่อไปยังมหาวิทยาลัยที่ท่านได้เลือกเป็นอันดับสองกรณีที่มหาวิทยาลัยไม่รับท่านเข้าศึกษา- หากมหาวิทยาลัยที่ท่านได้เลือกทั้งสองแห่งไม่รับท่านเข้าเรียน และถ้าท่านสอบผ่านการทดสอบภาษา ท่านสามารถที่จะยื่นคำอุทธรณ์เสนอชื่อมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ที่ท่านยังไม่ได้เลือกครั้งแรกไปยังรัฐมนตรีกระทรวงมหาวิทยาลัยและการวิจัย ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคม กระทรวงมหาวิทยาลัยฯจะแจ้งคำตอบให้ทราบภายในวันที่ 15 กันยายน- ในกรณีที่ท่านได้สมัครเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาที่คัดเลือกนักศึกษา โดยอาศัยการพิจารณาวุฒิหรือการสอบเข้า แต่สถาบันดังกล่าวไม่รับท่านเข้าเรียน และท่านต้องการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแทน ท่านก็ยังต้องยื่นใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าสำหรับช่วงการศึกษาปีที่หนึ่ง ในมหาวิทยาลัยเหมือนกับกรณีทั่วไป- ในกรณีที่ท่านสมัครเข้าศึกษาในระดับปีที่ 3 และ 4 และได้รับการปฏิเสธ มิได้หมายความว่าท่านมีสิทธิเข้าศึกษาในระดับปีที่ 1 และ 2 ได้โดยอัตโนมัติ หากแต่ท่านจะต้องยื่นใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าเหมือนกรณีปกติวิธีการอุทธรณ์ในกรณีที่มหาวิทยาลัยที่ท่านได้เลือกทั้งสองแห่งไม่รับท่านเข้าเรียนดังที่กล่าวแล้ว ท่านต้องส่งจดหมายอุทธรณ์ไปยังรัฐมนตรีกระทรวงมหาวิทยาลัยฯ ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้ Minitrère de l’Enseignement Supérieur et de la Recherche, DGESI61, rue Dutot,75732 Paris Cedex 15พร้อมกับสำเนาใบเสร็จจากการสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าครั้งแรกซึ่งมีหมายเลขกำกับ สำเนาคำตอบปฏิเสขจากมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง สำเนาคะแนนผลสอบภาษา สำเนาประกาศนียบัตรที่ทำให้ท่านมีสิทธิศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย พร้อมคำแปลที่รับรองว่าถูกต้องตามต้นฉบับ- คำอุทธรณ์ดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาเฉพาะในกรณีที่ท่านได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 ในการสอบภาษา (ครึ่งหนึ่งของคะแนนเต็ม)- จดหมายต่างๆ ต้องเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสและระบุระดับการศึกษา สาขาการศึกษาและที่อยู่ให้ละเอียดชัดเจนการสอบภาษาก่อนที่ท่านจะสามารถลงทะเบียนในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา หรือสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าได้ท่านจำเป็นต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ดี และจะต้องสอบภาษาการสอบดังกล่าวจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยผ่ายวัฒนธรรมแห่งสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย หรือโดยมหาวิทยาลัยที่ท่านได้ยื่นใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าในฝรั่งเศสข้อสอบการสอบภาษาประกอบด้วยข้อสอบสองชุด ซึ่งมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับสาขาวิชาที่ท่านจะไปเรียนต่อและเน้นทักษะการเขียนเป็นพิเศษ ข้อสอบในแต่ละสาขาวิชานั้นใช้ชุดเดียวกันทุกแห่ง โดยกระทรวงมหาวิทยาลัยฯแต่งตั้งคณะกรรมการทำหน้าที่ออกข้อสอบทุกปีการยกเว้นไม่ต้องสอบภาษาผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้มีสิทธิไม่ต้องสอบภาษา- ผู้ถือสัญชาติของประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษราชการ- ผู้ถือสัญชาติของประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ในข้อสอบส่วนใหญ่ของการสอบไล่มัธยมปลาย ผู้ได้รับประกาศนียบัตร Diplôme d’études approfondies de langue française (DALF)
ค่าใช้จ่าย
ค่าเล่าเรียนตลอดปี1. ระดับมหาวิทยาลัย 800 – 4,500 แฟรงค์ฝรั่งเศส2. โรงเรียนชั้นสูงของรัฐ 3,400 แฟรงค์ฝรั่งเศส3. โรงเรียนชั้นสูงของเอกชน 25,000 – 100,000 แฟรงค์ฝรั่งเศสค่าที่พักต่อเดือน1. หอพักของมหาวิทยาลัย 700 – 1,000 แฟรงค์ฝรั่งเศส(มีจำนวนจำกัดและให้สิทธิ์นักเรียนทุนรัฐบาลฝรั่งเศสก่อน)2. หอพักของเอกชน 2,500 – 3,500 แฟรงค์ฝรั่งเศสค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 2,500 – 3,500 แฟรงค์ฝรั่งเศสค่าประกันสุขภาพต่อปี 1,000 – 5,000 แฟรงค์ฝรั่งเศสรวมค่าใช้จ่ายต่อปีทั้งหมด ประมาณ1. สถานศึกษาของรัฐ 40,200 – 93,500 แฟรงค์ฝรั่งเศส2. สถานศึกษาของเอกชน 86,000+ แฟรงค์ฝรั่งเศส
ข้อมูลจำเพาะ
ที่พักสำหรับนักศึกษาพักสำหรับนักศึกษาในประเทศฝรั่งเศส มีหลายประเภท คือ1. หอพักนักศึกษานานาชาติแห่งกรุงปารีส ประกอบด้วยหอพักต่างๆ 37 หอ ซึ่งตั้งอยู่ใน สวนที่มีพื้นที่ 250 ไร่ พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก ส่วนรวมครบครัน หอพัก แต่ละหออยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของประเทศใดประเทศหนึ่งหรือ สถาบันการศึกษา แหงใดแห่งหนึ่ง เช่น หอสหรัฐ หอตูนิเซีย หอลาว ฯลฯ ราคาห้องพักประมาณ 1,320 – 1,900 แฟรงค์ฝรั่งเศสต่อเดือน สำหรับห้องเดี่ยว และ 2,315 – 3,500 แฟรงค์ฝรั่งเศส ต่อเดือน สำหรับห้องคู่ (ปี 1995) สอบถามรายละเอียดได้ที่ Service des admissionsFoundation nationale CIUP19, Boulevard Jourdan75690 Paris Cedex 14(โทรศัพท์ 4412-6443 : Fax 4416-6403)2. หอพักของหน่วยงาน CROUS (องค์กรนักศึกษาระดับภูมิภาค) มี 28 แห่ง กระจายอยู่ตาม เมืองต่างๆ ทั่วประเทศฝรั่งเศส มีหอพักหลายประเภท เช่น หอพักแบบ ห้องน้ำรวม หอพักแบบสตูดิโอ (ห้องน้ำส่วนตัว + มุมทำอาหาร) นอกจากนี้หน่วยงาน CROUS ยังรับติดต่อหอพักของวิทยาลัย แฟลตเอกชนและที่พักกับครอบครัวให้ด้วย ราคาประมาณ 1,000 – 3,500 แฟรงค์ฝรั่งเศสต่อเดือน (ปี 1998) สอบถาม รายละเอียด ได้จากหน่วยงาน CROUS ทั้ง 28 แห่ง (ขอที่อยู่ได้จากส่วนการศึกษาและฝึกอบรม ในต่างประเทศ)3. การอยู่กับครอบครัว มี 2 แบบ คือ 3.1 พักอาศัยและรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวโดยต้องจ่ายค่าที่พักและค่าอาหาร 3.2พักอาศัยกับครอบครัวแล้วทำงานเป็นการแลกเปลี่ยนการหาที่พักทั้ง 2 ประเภทนี้ อาจหาข้อมูลได้จาก CROUS เช่นกัน หรือติดต่อผ่าน Accueil familial des jeunes etrangers ตั้งอยู่ที่ 23, rue du Cherche - Midi 75006 Paris, France Tel : 01 42 2250 34 Fax. 01 45 44 60 48 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดหา ครอบครัว ฝรั่งเศสให้ชาวต่างชาติทั้งในปารีสและต่างจังหวัดข้อพึงระวังฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนปีละกว่า 60 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม ซึ่งควรระวังดังนี้- ไม่ควรพกเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก - ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับราคาแพงเกินจำเป็น เพราะท่านอาจตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้ - ถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง และหน้าวีซ่าแยกเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำหนังสือเดินทางในกรณีเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าวสูญหาย - ไม่ควรทิ้งสิ่งของมีค่าไว้ในตู้นิรภัยในห้องพักของโรงแรมขณะที่ท่านไม่อยู่ ควรเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย มิดชิด และมีพยานรับรู้ - ระมัดระวังทรัพย์สินเมื่ออยู่ที่ท่าอากาศยานบริเวณรถไฟใต้ดิน และเขตที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไทยสูญเสียทรัพย์สินแก่กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มต่าง ๆ อาทิ นักล้วงกระเป๋า หรือถูกหลอกลวงในลักษณะต่าง ๆ เสมอมา - ระมัดระวังตัวเองและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง เนื่องจากมีรายงานและข่าวเกี่ยวกับกลุ่มอันธพาลวัยรุ่นทำร้ายนักท่องเที่ยวโดยไร้เหตุผล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสL'AMBASSADE ROYALE DE THAILANDE8 Rue Greuze 75116 PARISโทรศัพท์ (331) 5626-5050โทรสาร (331) 5626-0445-6สถานีรถไฟ Metro Trocaderoโทรศัพท์ (331) 5626-0440 (หลังเวลาราชการ)เวลาทำการจันทร์ - ศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการ)09.30 - 12.30 น. และ 14.30 - 17.30 น. กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โทรศัพท์ 981 7171 โทรสาร 575 1038
การขอวีซ่าฝรั่งเศส (France Visa)
ประเภทและระยะเวลาของวีซ่า การขอวีซ่า เมื่อนักเรียนได้รับหนังสือตอบรับจากสถาบันการศึกษาในประเทศฝรั่งเศสแล้ว นักเรียนจะต้องยื่น ขอวีซ่านักเรียน ซึ่งทางการฝรั่งเศสเรียกว่า วีซ่าระยะยาวประเภทนักเรียน โดยนักเรียน ต้องไปติดต่อสถานกงศุลฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่ที่ 29 สาธรใต้ กรุงเทพ 10120 โทรศัพท์ 2872585-87 เพื่อขอแบบฟอร์มการทำวีซ่าเอกสารประกอบการขอยื่นวีซ่านักเรียน มีดังนี้ คือ1. แบบฟอร์มขอวีซ่า ที่กรอกรายละเอียดสมบูรณ์แล้ว จำนวน 2 ชุด 2. หนังสือเดินทาง ซึ่งต้องมีอายุใช้การได้เกินกว่า 1 ปี 3. หนังสือตอบรับการลงทะเบียนมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน ซึ่งต้องระบุระดับการศึกษา พร้อมสาขาวิชาที่จะเรียน หากเป็นการเรียนหลักสูตรภาษาฝรั่งเศส ต้องระบุจำนวน ชั่วโมงการเรียนไว้ด้วย 4. สำเนาบัตรประชาชนไทย พร้อมคำแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส 5. สูติบัตรพร้อมคำแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส 6. หลักฐานการศึกษา (ฉบับจริง) พร้อมคำแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส 7. รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป 8. หนังสือรับรองจากธนาคารหรือจากผู้ปกครอง พร้อมระบุจำนวนเงินที่จะส่งให้นักเรียน (นักศึกษา) ใช้จ่ายที่ประเทศฝรั่งเศสในแต่ละเดือน ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 2,500 แฟรงค์ฝรั่งเศสต่อเดือน 9. หลักฐานยืนยันที่พัก เช่น 9. 1หนังสือยืนยันที่พัก รับรองโดยผู้ตอบรับ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว หรือสำเนา ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในกรณีที่ผู้ตอบรับเป็นต่างด้าว 9.2 หรือ สัญญาเช่า 9.3 หรือ หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ 9.4 หรือ หลักฐานการจองห้องพักของสถาบันการศึกษา 10. ใบรับรองแพทย์ โดยแพทย์ที่สถานทูตรับรองสถานะ นายแพทย์ ฟิลิป พลางกูรPSE คลินิก1 ถนนนเรศ, กรุงเทพฯ 10500โทร. 236 1389 และ 236 148911. ใบประกันสุขภาพ สำหรับนักศึกษาที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 28 ปี 12. ในกรณีที่ท่านอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ท่านจะต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครอง 13. ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักเรียน ประมาณ 2,145 บาท 14. ระยะเวลาการขออนุมัติวีซ่า ประมาณ 4 วัน หมายเหตุ
1. นักเรียนที่สามารถหาหลักประกันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในระหว่างที่พำนักในฝรั่งเศส ไม่ต้องแสดงเอกสารยืนยันที่พัก
2. นักเรียนทุนของรัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องแสดงใบตอบรับทุนการศึกษา และทางสถานทูต อาจเรียกให้แสดงหลักฐานที่พักอาศัย หรือหลักฐานทางการเงินเพิ่มเติม
3. นักศึกษาที่เป็นนักเรียนทุนของรัฐบาลไทย หรือทุนของหน่วยงานระหว่างประเทศ หรือนักเรียนทุนตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาล หรือนักเรียนทุนตามพันธะสัญญา มหาวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานทางการเงินหรือหลักฐานที่พัก แต่จะต้อง แสดงเอกสารรับรองจากแผนกวัฒนธรรม ซึ่งได้ระบุถึงคุณสมบัติของทุนที่ได้รับ 4. นักศึกษาที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จะต้องแสดงหนังสือยินยอมให้เดินทางจากผู้ปกครอง หรือจากผู้มีอำนาจในการปกครองดูแล ซึ่งออกโดยที่ว่าการอำเภอ หรือหนังสือคำสั่งศาล
5. เอกสารที่เป็นภาษาอื่นทุกฉบับจะต้องแนบคำแปลภาษาฝรั่งเศสประกอบมาด้วยเสมอไป
6. แฟ้มคำร้องขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) ที่ประกอบด้วยเอกสารครบถ้วน สมบูรณ์ แล้วเท่านั้น จึงจะสามารถยื่นต่อสถานทูตฯ เพื่อขอรับการพิจารณา สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสสงวนสิทธิ์ที่จะเรียกถามรายละเอียด หรือเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติมได้สิ่งสำคัญท่านต้องนำเอกสารฉบับจริงดังกล่าวทั้งหมดติดตัวไปฝรั่งเศสด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมืองอาจขอตรวจดูได้ก่อนการเข้าเมือง และท่านต้องใช้เอกสารเหล่านี้อีกครั้งในการ ขอบัตรประจำตัวคนต่างชาติ ที่ประเทศฝรั่งเศส
คลิกดูแผนที่ประเทศฝรั่งเศส
ภูมิประเทศและสภาพอากาศที่ตั้งและขนาด ประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่ในยุโรปตะวันตกระหว่างมหาสมทุรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ล้อมรอบด้วยประเทศเพื่อนบ้าน 6 ประเทศ ทิศเหนือ คือ ลุกเซมเบอร์กและเบลเยี่ยม ทิศใต้ ประเทศสปน ทิศตะวันออก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และเยอรมัน ทิศตะวันตก ติดมหาสมุทรแอตแลนติค ขนาดพื้นที่และจำนวนประชากรของฝรั่งเศสนับว่าใกล้เคียงกับประเทศไทยมาก กล่าวคือ ฝรั่งเศสมีพื้นที่และ จำนวนประชาชน ของฝรั่งเศส นับว่าใกล้เคียงกับประเทศไทยมาก กล่าวคือ ฝรั่งเศสมีพื้นที่ จำนวน 551,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนประเทศไทยมีพื้นที่ 513,142 ตารางกิโลเมตร ประชากรฝรั่งเศสมีประมาณ 58.5 ล้านคน ประเทศไทยมีประมาณ 60 ล้านคนภูมิอากาศ แบ่งเป็น 4 ฤดู คือฤดูใบไม้ผลิ 21 มีนาคม – 21 มิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ย 1 ถึง 22ฐ Cฤดูร้อน 22 มิถุนายน – 22 กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ย 10 ถึง 25ฐ Cฤดูใบไม้ร่วง 23 กันยายน – 21 ธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 0 ถึง 21ฐ Cฤดูหนาว 22 ธันวาคม – 20 มีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ย -1 ถึง 15ฐ C
การศึกษาต่อในประเทศฝรั่งเศส
การเตรียมตัวก่อนไปฝรั่งเศสการเตรียมตัวก่อนไปฝรั่งเศสเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในการศึกษา ขั้นตอนต่างๆ เช่น การหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส การเลือกสาขาวิชา การสมัครเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษา และการขอวีซ่าระยะยาวประเภทนักศึกษา เป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องปฏิบัติก่อนออกเดินทาง อนึ่ง ท่านจะต้องมีแหล่งรายได้ที่เพียงพอสำหรับการศึกษาในฝรั่งเศส (ทุนการศึกษา หรือเงินช่วยเหลือ หรือการอุดหนุนจากครอบครัว)การสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าในมหาวิทยาลัย กรณีการศึกษาปีที่ 1 และปีที่ 2การสมัครเข้าเรียนล่วงหน้า เป็นข้อบังคับในกรณีที่ท่านจะลงทะเบียนเรียนเป็นครั้งแรกในช่วงการศึกษาที่ 1 (ปี 1 และปี2) ของมหาวิทยาลัยทุกสาขาวิชา รวมถึงปี 1 สาขาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทศาสตร์, ปี 1 สาขาวิชาเภสัชศาสตร์และปี 1 ชั้นเตรียมศึกษากฎหมาย ในกรณีดังกล่าว หลังจากที่ท่านได้เลือกสาขาวิชาที่ท่านจะไปศึกษา และสถาบันการศึกษาที่ท่านสนใจได้แล้ว ท่านจะต้องติดต่อขอใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้า จากฝ่ายวัฒนธรรมแห่งสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศที่อาศัยอยู่ โดยที่ท่านอาจไปติดต่อด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ข้อยกเว้นในกรณีที่ท่านอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสโดยมีใบอนุญาตประจำตัวคนต่างชาติ ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี ท่านสามารถติดต่อขอใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าจากมหาวิทยาลัย ที่ท่านเลือกเป็นอันดับแรกในกรณีที่ผู้ปกครองหรือคู่สมรสของท่านอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส โดยมีใบอนุญาตประจำตัวคนต่างชาติที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 3 ปี ท่านสามารถติดต่อขอใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าจากมหาวิทยาลัยที่ท่านเลือกเป็นอันดับแรกเช่นกันวิธีปฏิบัติในทุกกรณี ท่านมีสิทธิที่จะสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าในมหาวิทยาลัยได้สองแห่ง โดยบอกลำดับที่ ต้องการยกเว้นสำหรับมหาวิทยาลัยในเขตการศึกษา ปารีส เครแตยและแวร์ซายส์ ซึ่งท่านมีสิทธิที่จะเลือกมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวเมื่อได้กรอกแล้ว ท่านจะต้องส่งใบสมัคร (พร้อมหลักฐานที่จำเป็น) กลับไปยังหน่วยงานที่ท่านได้ไปขอมา หากมหาวิทยาลัยที่ท่านได้เลือกเป็นอันดับแรกไม่รับท่านเข้าศึกษา มหาวิทยาลัยดังกล่าวจะรับหน้าที่ส่งเรื่องต่อไปยังมหาวิทยาลัยที่ท่านได้เลือกเป็นอันดับสองกรณีที่มหาวิทยาลัยไม่รับท่านเข้าศึกษา- หากมหาวิทยาลัยที่ท่านได้เลือกทั้งสองแห่งไม่รับท่านเข้าเรียน และถ้าท่านสอบผ่านการทดสอบภาษา ท่านสามารถที่จะยื่นคำอุทธรณ์เสนอชื่อมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ที่ท่านยังไม่ได้เลือกครั้งแรกไปยังรัฐมนตรีกระทรวงมหาวิทยาลัยและการวิจัย ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคม กระทรวงมหาวิทยาลัยฯจะแจ้งคำตอบให้ทราบภายในวันที่ 15 กันยายน- ในกรณีที่ท่านได้สมัครเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาที่คัดเลือกนักศึกษา โดยอาศัยการพิจารณาวุฒิหรือการสอบเข้า แต่สถาบันดังกล่าวไม่รับท่านเข้าเรียน และท่านต้องการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแทน ท่านก็ยังต้องยื่นใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าสำหรับช่วงการศึกษาปีที่หนึ่ง ในมหาวิทยาลัยเหมือนกับกรณีทั่วไป- ในกรณีที่ท่านสมัครเข้าศึกษาในระดับปีที่ 3 และ 4 และได้รับการปฏิเสธ มิได้หมายความว่าท่านมีสิทธิเข้าศึกษาในระดับปีที่ 1 และ 2 ได้โดยอัตโนมัติ หากแต่ท่านจะต้องยื่นใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าเหมือนกรณีปกติวิธีการอุทธรณ์ในกรณีที่มหาวิทยาลัยที่ท่านได้เลือกทั้งสองแห่งไม่รับท่านเข้าเรียนดังที่กล่าวแล้ว ท่านต้องส่งจดหมายอุทธรณ์ไปยังรัฐมนตรีกระทรวงมหาวิทยาลัยฯ ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้ Minitrère de l’Enseignement Supérieur et de la Recherche, DGESI61, rue Dutot,75732 Paris Cedex 15พร้อมกับสำเนาใบเสร็จจากการสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าครั้งแรกซึ่งมีหมายเลขกำกับ สำเนาคำตอบปฏิเสขจากมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง สำเนาคะแนนผลสอบภาษา สำเนาประกาศนียบัตรที่ทำให้ท่านมีสิทธิศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย พร้อมคำแปลที่รับรองว่าถูกต้องตามต้นฉบับ- คำอุทธรณ์ดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาเฉพาะในกรณีที่ท่านได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 ในการสอบภาษา (ครึ่งหนึ่งของคะแนนเต็ม)- จดหมายต่างๆ ต้องเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสและระบุระดับการศึกษา สาขาการศึกษาและที่อยู่ให้ละเอียดชัดเจนการสอบภาษาก่อนที่ท่านจะสามารถลงทะเบียนในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา หรือสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าได้ท่านจำเป็นต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ดี และจะต้องสอบภาษาการสอบดังกล่าวจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยผ่ายวัฒนธรรมแห่งสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย หรือโดยมหาวิทยาลัยที่ท่านได้ยื่นใบสมัครเข้าเรียนล่วงหน้าในฝรั่งเศสข้อสอบการสอบภาษาประกอบด้วยข้อสอบสองชุด ซึ่งมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับสาขาวิชาที่ท่านจะไปเรียนต่อและเน้นทักษะการเขียนเป็นพิเศษ ข้อสอบในแต่ละสาขาวิชานั้นใช้ชุดเดียวกันทุกแห่ง โดยกระทรวงมหาวิทยาลัยฯแต่งตั้งคณะกรรมการทำหน้าที่ออกข้อสอบทุกปีการยกเว้นไม่ต้องสอบภาษาผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้มีสิทธิไม่ต้องสอบภาษา- ผู้ถือสัญชาติของประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษราชการ- ผู้ถือสัญชาติของประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ในข้อสอบส่วนใหญ่ของการสอบไล่มัธยมปลาย ผู้ได้รับประกาศนียบัตร Diplôme d’études approfondies de langue française (DALF)
ค่าใช้จ่าย
ค่าเล่าเรียนตลอดปี1. ระดับมหาวิทยาลัย 800 – 4,500 แฟรงค์ฝรั่งเศส2. โรงเรียนชั้นสูงของรัฐ 3,400 แฟรงค์ฝรั่งเศส3. โรงเรียนชั้นสูงของเอกชน 25,000 – 100,000 แฟรงค์ฝรั่งเศสค่าที่พักต่อเดือน1. หอพักของมหาวิทยาลัย 700 – 1,000 แฟรงค์ฝรั่งเศส(มีจำนวนจำกัดและให้สิทธิ์นักเรียนทุนรัฐบาลฝรั่งเศสก่อน)2. หอพักของเอกชน 2,500 – 3,500 แฟรงค์ฝรั่งเศสค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 2,500 – 3,500 แฟรงค์ฝรั่งเศสค่าประกันสุขภาพต่อปี 1,000 – 5,000 แฟรงค์ฝรั่งเศสรวมค่าใช้จ่ายต่อปีทั้งหมด ประมาณ1. สถานศึกษาของรัฐ 40,200 – 93,500 แฟรงค์ฝรั่งเศส2. สถานศึกษาของเอกชน 86,000+ แฟรงค์ฝรั่งเศส
ข้อมูลจำเพาะ
ที่พักสำหรับนักศึกษาพักสำหรับนักศึกษาในประเทศฝรั่งเศส มีหลายประเภท คือ1. หอพักนักศึกษานานาชาติแห่งกรุงปารีส ประกอบด้วยหอพักต่างๆ 37 หอ ซึ่งตั้งอยู่ใน สวนที่มีพื้นที่ 250 ไร่ พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก ส่วนรวมครบครัน หอพัก แต่ละหออยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของประเทศใดประเทศหนึ่งหรือ สถาบันการศึกษา แหงใดแห่งหนึ่ง เช่น หอสหรัฐ หอตูนิเซีย หอลาว ฯลฯ ราคาห้องพักประมาณ 1,320 – 1,900 แฟรงค์ฝรั่งเศสต่อเดือน สำหรับห้องเดี่ยว และ 2,315 – 3,500 แฟรงค์ฝรั่งเศส ต่อเดือน สำหรับห้องคู่ (ปี 1995) สอบถามรายละเอียดได้ที่ Service des admissionsFoundation nationale CIUP19, Boulevard Jourdan75690 Paris Cedex 14(โทรศัพท์ 4412-6443 : Fax 4416-6403)2. หอพักของหน่วยงาน CROUS (องค์กรนักศึกษาระดับภูมิภาค) มี 28 แห่ง กระจายอยู่ตาม เมืองต่างๆ ทั่วประเทศฝรั่งเศส มีหอพักหลายประเภท เช่น หอพักแบบ ห้องน้ำรวม หอพักแบบสตูดิโอ (ห้องน้ำส่วนตัว + มุมทำอาหาร) นอกจากนี้หน่วยงาน CROUS ยังรับติดต่อหอพักของวิทยาลัย แฟลตเอกชนและที่พักกับครอบครัวให้ด้วย ราคาประมาณ 1,000 – 3,500 แฟรงค์ฝรั่งเศสต่อเดือน (ปี 1998) สอบถาม รายละเอียด ได้จากหน่วยงาน CROUS ทั้ง 28 แห่ง (ขอที่อยู่ได้จากส่วนการศึกษาและฝึกอบรม ในต่างประเทศ)3. การอยู่กับครอบครัว มี 2 แบบ คือ 3.1 พักอาศัยและรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวโดยต้องจ่ายค่าที่พักและค่าอาหาร 3.2พักอาศัยกับครอบครัวแล้วทำงานเป็นการแลกเปลี่ยนการหาที่พักทั้ง 2 ประเภทนี้ อาจหาข้อมูลได้จาก CROUS เช่นกัน หรือติดต่อผ่าน Accueil familial des jeunes etrangers ตั้งอยู่ที่ 23, rue du Cherche - Midi 75006 Paris, France Tel : 01 42 2250 34 Fax. 01 45 44 60 48 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดหา ครอบครัว ฝรั่งเศสให้ชาวต่างชาติทั้งในปารีสและต่างจังหวัดข้อพึงระวังฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนปีละกว่า 60 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม ซึ่งควรระวังดังนี้- ไม่ควรพกเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก - ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับราคาแพงเกินจำเป็น เพราะท่านอาจตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้ - ถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง และหน้าวีซ่าแยกเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำหนังสือเดินทางในกรณีเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าวสูญหาย - ไม่ควรทิ้งสิ่งของมีค่าไว้ในตู้นิรภัยในห้องพักของโรงแรมขณะที่ท่านไม่อยู่ ควรเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย มิดชิด และมีพยานรับรู้ - ระมัดระวังทรัพย์สินเมื่ออยู่ที่ท่าอากาศยานบริเวณรถไฟใต้ดิน และเขตที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไทยสูญเสียทรัพย์สินแก่กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มต่าง ๆ อาทิ นักล้วงกระเป๋า หรือถูกหลอกลวงในลักษณะต่าง ๆ เสมอมา - ระมัดระวังตัวเองและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง เนื่องจากมีรายงานและข่าวเกี่ยวกับกลุ่มอันธพาลวัยรุ่นทำร้ายนักท่องเที่ยวโดยไร้เหตุผล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีสL'AMBASSADE ROYALE DE THAILANDE8 Rue Greuze 75116 PARISโทรศัพท์ (331) 5626-5050โทรสาร (331) 5626-0445-6สถานีรถไฟ Metro Trocaderoโทรศัพท์ (331) 5626-0440 (หลังเวลาราชการ)เวลาทำการจันทร์ - ศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการ)09.30 - 12.30 น. และ 14.30 - 17.30 น. กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โทรศัพท์ 981 7171 โทรสาร 575 1038
การขอวีซ่าฝรั่งเศส (France Visa)
ประเภทและระยะเวลาของวีซ่า การขอวีซ่า เมื่อนักเรียนได้รับหนังสือตอบรับจากสถาบันการศึกษาในประเทศฝรั่งเศสแล้ว นักเรียนจะต้องยื่น ขอวีซ่านักเรียน ซึ่งทางการฝรั่งเศสเรียกว่า วีซ่าระยะยาวประเภทนักเรียน โดยนักเรียน ต้องไปติดต่อสถานกงศุลฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่ที่ 29 สาธรใต้ กรุงเทพ 10120 โทรศัพท์ 2872585-87 เพื่อขอแบบฟอร์มการทำวีซ่าเอกสารประกอบการขอยื่นวีซ่านักเรียน มีดังนี้ คือ1. แบบฟอร์มขอวีซ่า ที่กรอกรายละเอียดสมบูรณ์แล้ว จำนวน 2 ชุด 2. หนังสือเดินทาง ซึ่งต้องมีอายุใช้การได้เกินกว่า 1 ปี 3. หนังสือตอบรับการลงทะเบียนมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน ซึ่งต้องระบุระดับการศึกษา พร้อมสาขาวิชาที่จะเรียน หากเป็นการเรียนหลักสูตรภาษาฝรั่งเศส ต้องระบุจำนวน ชั่วโมงการเรียนไว้ด้วย 4. สำเนาบัตรประชาชนไทย พร้อมคำแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส 5. สูติบัตรพร้อมคำแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส 6. หลักฐานการศึกษา (ฉบับจริง) พร้อมคำแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส 7. รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป 8. หนังสือรับรองจากธนาคารหรือจากผู้ปกครอง พร้อมระบุจำนวนเงินที่จะส่งให้นักเรียน (นักศึกษา) ใช้จ่ายที่ประเทศฝรั่งเศสในแต่ละเดือน ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 2,500 แฟรงค์ฝรั่งเศสต่อเดือน 9. หลักฐานยืนยันที่พัก เช่น 9. 1หนังสือยืนยันที่พัก รับรองโดยผู้ตอบรับ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว หรือสำเนา ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในกรณีที่ผู้ตอบรับเป็นต่างด้าว 9.2 หรือ สัญญาเช่า 9.3 หรือ หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ 9.4 หรือ หลักฐานการจองห้องพักของสถาบันการศึกษา 10. ใบรับรองแพทย์ โดยแพทย์ที่สถานทูตรับรองสถานะ นายแพทย์ ฟิลิป พลางกูรPSE คลินิก1 ถนนนเรศ, กรุงเทพฯ 10500โทร. 236 1389 และ 236 148911. ใบประกันสุขภาพ สำหรับนักศึกษาที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 28 ปี 12. ในกรณีที่ท่านอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ท่านจะต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครอง 13. ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักเรียน ประมาณ 2,145 บาท 14. ระยะเวลาการขออนุมัติวีซ่า ประมาณ 4 วัน หมายเหตุ
1. นักเรียนที่สามารถหาหลักประกันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในระหว่างที่พำนักในฝรั่งเศส ไม่ต้องแสดงเอกสารยืนยันที่พัก
2. นักเรียนทุนของรัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องแสดงใบตอบรับทุนการศึกษา และทางสถานทูต อาจเรียกให้แสดงหลักฐานที่พักอาศัย หรือหลักฐานทางการเงินเพิ่มเติม
3. นักศึกษาที่เป็นนักเรียนทุนของรัฐบาลไทย หรือทุนของหน่วยงานระหว่างประเทศ หรือนักเรียนทุนตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาล หรือนักเรียนทุนตามพันธะสัญญา มหาวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานทางการเงินหรือหลักฐานที่พัก แต่จะต้อง แสดงเอกสารรับรองจากแผนกวัฒนธรรม ซึ่งได้ระบุถึงคุณสมบัติของทุนที่ได้รับ 4. นักศึกษาที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จะต้องแสดงหนังสือยินยอมให้เดินทางจากผู้ปกครอง หรือจากผู้มีอำนาจในการปกครองดูแล ซึ่งออกโดยที่ว่าการอำเภอ หรือหนังสือคำสั่งศาล
5. เอกสารที่เป็นภาษาอื่นทุกฉบับจะต้องแนบคำแปลภาษาฝรั่งเศสประกอบมาด้วยเสมอไป
6. แฟ้มคำร้องขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า) ที่ประกอบด้วยเอกสารครบถ้วน สมบูรณ์ แล้วเท่านั้น จึงจะสามารถยื่นต่อสถานทูตฯ เพื่อขอรับการพิจารณา สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสสงวนสิทธิ์ที่จะเรียกถามรายละเอียด หรือเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติมได้สิ่งสำคัญท่านต้องนำเอกสารฉบับจริงดังกล่าวทั้งหมดติดตัวไปฝรั่งเศสด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมืองอาจขอตรวจดูได้ก่อนการเข้าเมือง และท่านต้องใช้เอกสารเหล่านี้อีกครั้งในการ ขอบัตรประจำตัวคนต่างชาติ ที่ประเทศฝรั่งเศส
ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศเนเธอร์แลนด์ข้อมูลทั่วไป: เนเธอร์แลนด์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ฮอลแลนด์ มีชื่อทางการว่า ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ (Kingdom of the Netherlands) และมีเมืองหลวงคือ กรุงอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)
ที่ตั้ง: พื้นที่ประเทศ เนเธอร์แลนด์ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ดังนั้น เนเธอร์แลนด์ จึงจำเป็นต้องปรับพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อการสูบน้ำทะเลออก ทำให้เนเธอร์แลนด์มีสิ่งก่อสร้างด้านวิศวกรรมกำจัดน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
การขอวีซ่า และสถานทูตไทยใน เนเธอร์แลนด์: สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว (ไม่เกิน 90 วัน) เพื่อเดินทางเข้าประเทศเนเธอร์แลนด์ (และประเทศอื่นๆ ในกลุ่มเช็งเก้น): กรณีที่ประเทศหลักที่ท่านจะไปคือเนเธอร์แลนด์ บุคคลสัญชาติไทย และบุคคลสัญชาติอื่นที่มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น จึงจะสามารถยื่นคำร้องขอทำวีซ่าที่สถานทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยได้ โดยที่ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ดังกล่าว ต้องยังใช้ได้อีกอย่างน้อย 3 เดือน เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย
เอกสารจำเป็นที่ท่านต้องเตรียม
1. รูปถ่ายสี ขนาด
2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ 2. หนังสือเดินทางของท่านที่มีอายุอย่างน้อย3 เดือนนับจากวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย
3. หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัท หรือนายจ้าง และจะต้องมีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ทำ รวมถึงต้องมีการอนุมัติการลาพักร้อนมาด้วยแต่ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทเอง จะต้องแสดงหนังสือจดทะเบียนบริษัทมาด้วย
4. สมุดบัญชีธนาคารที่อัพเดทเป็นปัจจุบัน
5. เอกสารรับรองห้องพักจากทางโรงแรมในเนเธอร์แลนด์
6. หนังสือยืนยันการจองตั๋วโดยสารเครื่องบิน
สถานทูตไทยในเนเธอร์แลนด์: ตั้งอยู่ที่ Laan Copes van Cattenburch 123, 2585 EZ The Hagueโทร: (3170) 345-0632, 345-2088 แฟกซ์: (3170) 345-1929
ภาษาที่ใช้: ชาวเนเธอร์แลนด์ใช้ภาษาราชการคือ ภาษาดัตช์ (Dutch) และฟริเซียน แต่ประชาชนส่วนใหญ่พูดได้หลายภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ
ความแตกต่างของเวลา: เวลาของประเทศเนเธอร์แลนด์จะช้ากว่าของประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง
สภาพอากาศ: เนเธอร์แลนด์มีอากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 18.3 องศาเซลเซียส และต่ำสุดเฉลี่ย 2.6 องศาเซลเซียส และจะมีฝนตกเป็นระยะๆ
ค่าเงิน และการธนาคาร: เนเธอร์แลนด์ใช้เงินสกุล ยูโร (EURO) ซึ่งเท่ากับประมาณ 50 บาทไทย ชนิดของธนบัตรมีตั้งแต่ 5, 10, 20, 50, 100, 200 ไปจนถึง 500 ยูโรและชนิดของเหรียญจะเริ่มจาก 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซนต์ 1 ยูโร จนถึง 2 ยูโร
ระบบโทรศัพท์: รหัสโทรศัพท์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ คือ รหัส +31 ส่วนใหญ่การโทรกลับเมืองไทยจะใช้ การโทรแบบการ์ดโฟน และบางครั้งอาจโทรศัพท์จากที่พักในเนเธอร์แลนด์ของท่านเลยก็ได้
ข้อแนะนำพิเศษ: ชาวไทยที่ไปเที่ยวเนเธอร์แลนด์ จะต้องเก็บรักษาหนังสือเดินทางให้ดีเป็นพิเศษ เพราะทางเนเธอร์แลนด์จะมีการตรวจหนังสือเดินทาง ซึ่งค่อนข้างเข้มงวดตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
อาหารท้องถิ่น: อาหารของประเทศเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่จะเป็นพวก มันฝรั่ง ขนมปังและเบคอนต่างๆ เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่ไม่ทานข้าว เช่นเดียวกับประเทศยุโรปทั่วๆไป อาหารเลื่องชื่อของเขา ได้แก่ ปลาแฮริ่งสด มักจะทานเปล่าๆ หรือจะทานกับขนมปังก็ได้ ซึ่งมีขายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ตามตลาด ซุ้ม ไปจนถึงภัตตาคารเลยก็มี นอกจากนี้ยังมี สตั๊มป์ผด (Stamppot) หรือมันฝรั่งบดผสมกับผัก เวลาทานมักผสมเบคอนลงไปด้วย ยิ่งทานคู่กับไส้กรอกอ้วนๆ ยิ่งเข้ากัน, มันฝรั่งทอด (Patat) ส่วนของหวานขึ้นชื่อของเนเธอร์แลนด์ก็จะเป็น Stroopwafel และ แพนเค้ก (Pannekoek) ซึ่งที่เนเธอร์แลนด์นี้เองถือเป็นต้นตำรับของขนมชนิดนี้ โดยคนที่นี่นิยมทานกับไอศครีมและวิปปิ้งครีม ใครได้มาชิมถึงแหล่งกำเนิดเป็นต้องติดใจไปทุกราย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
แหล่งช้อปปิ้ง: ย่านดัมสแควร์ ถือเป็นศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าชื่อดังรวมทั้งร้านค้าหลากหลาย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม ที่นั่น มีสินค้าและของที่ระลึกต่างๆ ให้เลือกซื้อเลือกหาอยู่มากมาย อาทิ สินค้าพื้นเมือง สินค้าหัตถกรรม เพชรพลอย ดอกทิวลิป รองเท้าไม้ ซึ่งผลิตจากไม้พลับเพลา ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณเลย เป็นต้น
ภาษาเกาหลี
อักษรภาษาเกาหลี
พยัญชนะอักษร
ㄱㄴㄷㄹㅁㅂㅅㅇㅈㅎ
เสียงก,คนท,ดร,ลมบส,ซอ,งจฮ
อักษรㅋㅌㅍㅊ
เสียงกท (หนัก)พช
อักษรㄲㄸㅃㅆㅉ
เสียงก (หนัก)ต (หนัก)ปซ (หนัก)จ (หนัก)
สระㅏㅓㅗㅜㅡㅣㅔㅐㅚㅟ
เสียงอา ออ โอ อู อื ออิ,อี เอ แอ เว วี
สระㅑㅕㅛㅠㅖㅒ
เสียงยา ยอ โย ยู เย แย
สระㅝㅢㅞㅙ
เสียง วา วอ อึย อุเว แว
การประสมคำ (เบื้องต้น)
หลักการประสมคำของเกาหลี ไม่ยากอย่างคิดครับ คล้ายๆ ภาษาไทย คือ มี พยัญชนะ + สระ + ตัวสะกด (ถ้ามี)โดยในการประสมแต่ละครั้งมีเงื่อนไขคือ
เสียงกท (หนัก)พช
อักษรㄲㄸㅃㅆㅉ
เสียงก (หนัก)ต (หนัก)ปซ (หนัก)จ (หนัก)
สระㅏㅓㅗㅜㅡㅣㅔㅐㅚㅟ
เสียงอา ออ โอ อู อื ออิ,อี เอ แอ เว วี
สระㅑㅕㅛㅠㅖㅒ
เสียงยา ยอ โย ยู เย แย
สระㅝㅢㅞㅙ
เสียง วา วอ อึย อุเว แว
การประสมคำ (เบื้องต้น)
หลักการประสมคำของเกาหลี ไม่ยากอย่างคิดครับ คล้ายๆ ภาษาไทย คือ มี พยัญชนะ + สระ + ตัวสะกด (ถ้ามี)โดยในการประสมแต่ละครั้งมีเงื่อนไขคือ
1. พยัญชนะนำหน้า ตามด้วยสระ ในกรณีที่สระเป็นเส้นดิ่ง (หรือดูสีของสระที่เป็น สีส้ม ทั้งหมด) ให้เติมไว้ ด้านขวา ของพยัญชนะ แล้วตามด้วยตัวสะกด ด้านล่าง เสมอ
2. พยัญชนะนำหน้า ตามด้วยสระ ในกรณีที่สระเป็นเส้นราบ (หรือดูสีของสระที่เป็น สีน้ำเงินทั้งหมด) ให้เติมไว้ ด้านล่าง ของพยัญชนะ แล้วตามด้วยตัวสะกด ด้านล่าง เสมอ
3. ในกรณีที่เป็นสระประสม ให้ใส่ทั้งด้านข้างและด้านล่าง โดยเริ่มเขียนจากสระล่างก่อน ซึ่งรายละเอียดจะกล่าวในบทต่อไป
กำเนิดดาวหาง
ข้อสันนิษฐานการเกิดดาวหางมี 3 ทฤษฎีด้วยกัน คือ
ทฤษฎีแรก ดาวหางเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟบนดาวเคราะห์ทฤษฎีที่สอง ดาวหางมีจุดกำเนิดมาจากฝุ่นละอองในอากาศทฤษฎีสุดท้าย กล่าวว่า ดาวหางเกิดขึ้นในระบบสุริยะเหมือนดาวเคราะห์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครยืนยันชัดเจนถึงจุดกำเนิดของดาวหาง เพราะนานๆ จะมีดาวหางปรากฎ ให้สังเกต หรือศึกษา สักครั้งหนึ่ง แต่จากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ พอจะทราบเกี่ยวกับเส้นทางโคจร ของดาวหาง พอสมควร เส้นทางโคจรของดาวหาง มีความสลับซับซ้อน เพราะมีอิทธิพลมาจากแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ ขณะเดินทาง ดาวหางยิ่งเดินทางผ่านดาวเคราะห์มากเท่าใด ย่อมได้รับอิทธิพลแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ดวงนั้น มากเท่านั้น ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ดาวพฤหัสบดี ซึ่งมีมวลมาก จะส่งผลกระทบต่อการโคจรของดาวหางมาก นักดาราศาสตร์ สามารถที่จะคำนวณเส้นทางวงโคจรเดิม และวงโคจรในอนาคตของดาวหางได้ โดยศึกษาอิทธิพล ของสนามดึงดูดจากดาวเคราะห์ที่ดาวหางจะโคจรผ่าน
เชื่อว่าเป็นวัตถุที่เหลือจากการเกิดระบบสุริยะ เมื่อมารถูกความดันรังสีของ ดวงอาทิตย์ผลักดันให้ออกไปอยู่ห่างจากบริเวณภายนอกของระบบสุริยะระยะ ทาง1-2 ปีแสง โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงแหวนวงกลมเรียกว่า Oort cloud ตามความเชื่อของนักดาราศาสตร์ชาวดัตช์ชื่อว่า แจน เฮนคริกอ็อร์ต
แหล่งกำเนิดของดาวหาง เชื่อกันว่าเป็นวัตถุที่เหลือจากการสร้างระบบสุริยะ เป็นคล้ายบริวารรอบนอกของระบบ ตามปกติจะมีดาวหางจำนวนหนึ่งโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์แล้วกลับคืนออกไปขอบนอกของระบบสุริยะ แต่มีบางดวงที่โคจรอยู่ภายในระบบสุริยะ
นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ดาวหางเป็นซากวัตถุที่เหลือจากการก่อตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ มีอายุมากกว่า 4,500 ล้านปี เดินทางมาจากห้วงอวกาศแสนไกลและเย็นจัด ดาวหางจึงน่าจะ ยังคงสภาพดั้งเดิมอยู่มาก อาจประกอบด้วยอินทรีย์สารที่จำเป็นต่อกำเนิดของสิ่งมีชีวิต และบางที ดาวหางอาจเป็นตัวนำน้ำมายังโลกในยุคแรกเริ่มที่โลกก่อกำเนิดขึ้นก็เป็นได้
ในปี พ.ศ.2493 นักดาราศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ แจน ออร์ด ( Jan Oort ) เป็นผู้เสนอทฤษฎีว่า ต้องมีแหล่งที่อยู่ของดาวหางจำนวนหลาย ๆ ล้านดวงอยู่ไกลเลยจากดาวเคราะห์ดวงนอก ของระบบสุริยะออกไป โดยห่างจากดวงอาทิตย์ราว 30,000 หน่วยดาราศาสตร์ จนถึง 1 ปีแสง หรือไกลกว่านั้น จึงเรียกถิ่นที่อยู่ของดาวหางตามความคิดนี้ว่า ดงดาวหางออร์ด(The Oort Cloud)
ทฤษฎีแรก ดาวหางเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟบนดาวเคราะห์ทฤษฎีที่สอง ดาวหางมีจุดกำเนิดมาจากฝุ่นละอองในอากาศทฤษฎีสุดท้าย กล่าวว่า ดาวหางเกิดขึ้นในระบบสุริยะเหมือนดาวเคราะห์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครยืนยันชัดเจนถึงจุดกำเนิดของดาวหาง เพราะนานๆ จะมีดาวหางปรากฎ ให้สังเกต หรือศึกษา สักครั้งหนึ่ง แต่จากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ พอจะทราบเกี่ยวกับเส้นทางโคจร ของดาวหาง พอสมควร เส้นทางโคจรของดาวหาง มีความสลับซับซ้อน เพราะมีอิทธิพลมาจากแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ ขณะเดินทาง ดาวหางยิ่งเดินทางผ่านดาวเคราะห์มากเท่าใด ย่อมได้รับอิทธิพลแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ดวงนั้น มากเท่านั้น ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ดาวพฤหัสบดี ซึ่งมีมวลมาก จะส่งผลกระทบต่อการโคจรของดาวหางมาก นักดาราศาสตร์ สามารถที่จะคำนวณเส้นทางวงโคจรเดิม และวงโคจรในอนาคตของดาวหางได้ โดยศึกษาอิทธิพล ของสนามดึงดูดจากดาวเคราะห์ที่ดาวหางจะโคจรผ่าน
เชื่อว่าเป็นวัตถุที่เหลือจากการเกิดระบบสุริยะ เมื่อมารถูกความดันรังสีของ ดวงอาทิตย์ผลักดันให้ออกไปอยู่ห่างจากบริเวณภายนอกของระบบสุริยะระยะ ทาง1-2 ปีแสง โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงแหวนวงกลมเรียกว่า Oort cloud ตามความเชื่อของนักดาราศาสตร์ชาวดัตช์ชื่อว่า แจน เฮนคริกอ็อร์ต
แหล่งกำเนิดของดาวหาง เชื่อกันว่าเป็นวัตถุที่เหลือจากการสร้างระบบสุริยะ เป็นคล้ายบริวารรอบนอกของระบบ ตามปกติจะมีดาวหางจำนวนหนึ่งโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์แล้วกลับคืนออกไปขอบนอกของระบบสุริยะ แต่มีบางดวงที่โคจรอยู่ภายในระบบสุริยะ
นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ดาวหางเป็นซากวัตถุที่เหลือจากการก่อตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ มีอายุมากกว่า 4,500 ล้านปี เดินทางมาจากห้วงอวกาศแสนไกลและเย็นจัด ดาวหางจึงน่าจะ ยังคงสภาพดั้งเดิมอยู่มาก อาจประกอบด้วยอินทรีย์สารที่จำเป็นต่อกำเนิดของสิ่งมีชีวิต และบางที ดาวหางอาจเป็นตัวนำน้ำมายังโลกในยุคแรกเริ่มที่โลกก่อกำเนิดขึ้นก็เป็นได้
ในปี พ.ศ.2493 นักดาราศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ แจน ออร์ด ( Jan Oort ) เป็นผู้เสนอทฤษฎีว่า ต้องมีแหล่งที่อยู่ของดาวหางจำนวนหลาย ๆ ล้านดวงอยู่ไกลเลยจากดาวเคราะห์ดวงนอก ของระบบสุริยะออกไป โดยห่างจากดวงอาทิตย์ราว 30,000 หน่วยดาราศาสตร์ จนถึง 1 ปีแสง หรือไกลกว่านั้น จึงเรียกถิ่นที่อยู่ของดาวหางตามความคิดนี้ว่า ดงดาวหางออร์ด(The Oort Cloud)
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ดูแลผมดัด
1. ไม่สระผมภายใน48 ชั่วโมงแรกหลังการดัดหมาดๆ ถ้าเลยเวลาแล้วให้เลือกใช้แชมพูและครีมนวดสูตรเฉพาะผมดัดเท่านั้น
2. หวีผมด้วยหวีซี่ห่าง ไม่ควรใช้แปรงแปรงผมเด็ดขาด ใช้แค่นิ้วมือช่วยจัดแต่งทรงให้เข้าที่เข้าทางก็พอแล้ว
3. หลังสระผมควรซับให้แห้ง เพราะความเปียกสามารถทำให้เส้นผมยืดตัวได้ และหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับการดัดผม ปล่อยให้เส้นผมแห้งเองจะดีกว่าค่ะ
4. เลือกใช้เซรั่มลดความพองฟู หรือใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งเส้นผมแบบ Super Hold ประเภทแว็กซ์ หรือโลชั่นลูบผมช่วยให้อยู่ทรงและจัดลอนได้ง่าย
5. ใช้ไดร์เป่าผมให้เสยไปข้างหลัง แล้วใช้นิ้วมือเสยผมจนผมหยิกเริ่มคลายลอน ใช้น้ำมันใส่ผมหรือแฮร์โค้ทชโลมเบาๆ จะได้ผมทรงใหม่เป็นลอนสวยไม่หยิก หลังจากนั้นใช้สเปรย์เพิ่มวอลุ่มเส้นผมทับอีกครั้ง
6. ผมที่ดัดลอนใหญ่จะจัดทรงยาก ใช้มูสชโลมผมที่เปียกหมาดๆ แสกผมแล้วแบ่งผมเป็นช่อ ม้วนโรลขนาดใหญ่ทิ้งไว้ให้แห้ง ใช้นิ้วจัดแต่งทรงตามชอบ ถ้าอยากเปรี้ยวจี๊ดแนะนำให้แสกข้างจะช่วยให้ลุคส์ดูเซ็กซี่ขึ้น
ดัดแล้วต้องเจอ
ผมที่ดัดไม่เกิน 2 เดือน เส้นผมในส่วนโคนที่งอกขึ้นมาใหม่ก็จะมีลักษณะตามธรรมชาติของเส้นผมเดิมปรากฏออกมา อย่างคนเอเชียที่มีเส้นผมเหยียดยาวไม่มีอาการโค้งงอ ผมที่งอกมาใหม่จะตรง การดัดผมเพิ่มจึงจำเป็นอย่างยิ่ง การดัดซ้ำต้องพยายามหาวิธีป้องกันไม่ให้น้ำยาที่ใช้ทั้งขั้นตอนแรกและขั้นตอนสุดท้ายไปออกฤทธิ์ในที่ที่ไม่ต้องการให้ทำ ซึ่งช่างทำผมที่มีประสบการณ์สูงจะจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยากค่ะ
1. ไม่สระผมภายใน48 ชั่วโมงแรกหลังการดัดหมาดๆ ถ้าเลยเวลาแล้วให้เลือกใช้แชมพูและครีมนวดสูตรเฉพาะผมดัดเท่านั้น
2. หวีผมด้วยหวีซี่ห่าง ไม่ควรใช้แปรงแปรงผมเด็ดขาด ใช้แค่นิ้วมือช่วยจัดแต่งทรงให้เข้าที่เข้าทางก็พอแล้ว
3. หลังสระผมควรซับให้แห้ง เพราะความเปียกสามารถทำให้เส้นผมยืดตัวได้ และหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับการดัดผม ปล่อยให้เส้นผมแห้งเองจะดีกว่าค่ะ
4. เลือกใช้เซรั่มลดความพองฟู หรือใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งเส้นผมแบบ Super Hold ประเภทแว็กซ์ หรือโลชั่นลูบผมช่วยให้อยู่ทรงและจัดลอนได้ง่าย
5. ใช้ไดร์เป่าผมให้เสยไปข้างหลัง แล้วใช้นิ้วมือเสยผมจนผมหยิกเริ่มคลายลอน ใช้น้ำมันใส่ผมหรือแฮร์โค้ทชโลมเบาๆ จะได้ผมทรงใหม่เป็นลอนสวยไม่หยิก หลังจากนั้นใช้สเปรย์เพิ่มวอลุ่มเส้นผมทับอีกครั้ง
6. ผมที่ดัดลอนใหญ่จะจัดทรงยาก ใช้มูสชโลมผมที่เปียกหมาดๆ แสกผมแล้วแบ่งผมเป็นช่อ ม้วนโรลขนาดใหญ่ทิ้งไว้ให้แห้ง ใช้นิ้วจัดแต่งทรงตามชอบ ถ้าอยากเปรี้ยวจี๊ดแนะนำให้แสกข้างจะช่วยให้ลุคส์ดูเซ็กซี่ขึ้น
ดัดแล้วต้องเจอ
ผมที่ดัดไม่เกิน 2 เดือน เส้นผมในส่วนโคนที่งอกขึ้นมาใหม่ก็จะมีลักษณะตามธรรมชาติของเส้นผมเดิมปรากฏออกมา อย่างคนเอเชียที่มีเส้นผมเหยียดยาวไม่มีอาการโค้งงอ ผมที่งอกมาใหม่จะตรง การดัดผมเพิ่มจึงจำเป็นอย่างยิ่ง การดัดซ้ำต้องพยายามหาวิธีป้องกันไม่ให้น้ำยาที่ใช้ทั้งขั้นตอนแรกและขั้นตอนสุดท้ายไปออกฤทธิ์ในที่ที่ไม่ต้องการให้ทำ ซึ่งช่างทำผมที่มีประสบการณ์สูงจะจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยากค่ะ
เทรนด์ดัดผมยังแรงไม่หยุด ยิ่งในยุคนี้การจะมีผมลอนเป็นเรื่องง่ายมาก หาซื้อที่ม้วนผมไฟฟ้าติดบ้านไว้สักอัน มีแกนให้เลือกหลายขนาดลองซื้อมาทดลองดูก่อนดัดจริงว่าลอนขนาดไหนจะเหมาะกับหน้าตัวเอง รู้ก่อนดัด
1. อย่างแรกที่สาวๆ ต้องคำนึงคือเช็คสภาพเส้นผมว่าแข็งแรงพอที่จะดัดได้หรือเปล่า ก่อนดัดสัก 2-3 สัปดาห์ ควรบำรุงผมอย่างเต็มที่ จะหมักผมด้วยทรีตเม้นท์ หรือเลือกหมักแบบวิธีธรรมชาติก็ตามใจค่ะ ยิ่งหลังดัดอย่าลืมบำรุงให้มากกว่าเดิมล่ะ
2. พอเวลาล่วงเลยไปผมจะมีการงอกขึ้นใหม่ จะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับแต่ละคน คอยสังเกตดูว่าจะต้องดัดเพิ่มหรือเปล่า แต่อย่าดัดซ้ำสองในเวลาที่ใกล้เคียงกันเด็ดขาด นั่นคือการทำร้ายเส้นผมอย่างแสนสาหัส เลือกดัดเฉพาะส่วนที่งอกใหม่ หรือ่วาจะปล่อยให้ตรงส่วนบนแล้วหยิกส่วนปลายแบบนี้ก็เก๋ไปอีกแบบนะคะ
3. สำหรับสาวผมดัดที่อยากทำสีให้ทิ้งระยะห่างสัก 2 สัปดาห์ ทิ้งช่วงให้เส้นผมแข็งแรงกว่านี้ แล้วค่อยทำสีตาม ถ้าตัดสินใจทำเลยแทนที่ผมจะสวยอาจจะกลายเป็นฟางข้าวโดยไม่รู้ตัว
1. อย่างแรกที่สาวๆ ต้องคำนึงคือเช็คสภาพเส้นผมว่าแข็งแรงพอที่จะดัดได้หรือเปล่า ก่อนดัดสัก 2-3 สัปดาห์ ควรบำรุงผมอย่างเต็มที่ จะหมักผมด้วยทรีตเม้นท์ หรือเลือกหมักแบบวิธีธรรมชาติก็ตามใจค่ะ ยิ่งหลังดัดอย่าลืมบำรุงให้มากกว่าเดิมล่ะ
2. พอเวลาล่วงเลยไปผมจะมีการงอกขึ้นใหม่ จะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับแต่ละคน คอยสังเกตดูว่าจะต้องดัดเพิ่มหรือเปล่า แต่อย่าดัดซ้ำสองในเวลาที่ใกล้เคียงกันเด็ดขาด นั่นคือการทำร้ายเส้นผมอย่างแสนสาหัส เลือกดัดเฉพาะส่วนที่งอกใหม่ หรือ่วาจะปล่อยให้ตรงส่วนบนแล้วหยิกส่วนปลายแบบนี้ก็เก๋ไปอีกแบบนะคะ
3. สำหรับสาวผมดัดที่อยากทำสีให้ทิ้งระยะห่างสัก 2 สัปดาห์ ทิ้งช่วงให้เส้นผมแข็งแรงกว่านี้ แล้วค่อยทำสีตาม ถ้าตัดสินใจทำเลยแทนที่ผมจะสวยอาจจะกลายเป็นฟางข้าวโดยไม่รู้ตัว
วิธีบอกรักโดยไม่ต้องพูด
1. หอมแก้มแบบไม่มีสาเหตุ แบบเดินๆกันอยู่เนี่ยสามารถยื่นจมูกไปหอมซักฟอดหนึ่ง เอาให้เขาหน้าแดงด้วยความเขินเลยนะ2. ในขณะที่เขากำลังยืนรอคิวอยู่ เอามือหยิกก้นเขาเบาๆ พอเขาหันมา ทำเป็นไม่สนใจ หรือไม่ก็ยิ้มแบบทะเล้นๆ3. กัดหูเบาๆในที่มืด4. ชวนไปตักบาตร หรืองานบุญเพื่อรำลึกถึงความโรแมนติกแบบไทยสมัยก่อน5. ทำ อาหารสื่อรักที่เรารู้ว่าเขาต้องชอบ อย่างแซนวิชแฮมใส่ชีสสวิส แล้วอย่าลืมติดโพสต์อิตให้กำลังในการรับประทานไปด้วย หรือไม่อาจเขียนข้อความเย้ายวนอย่างเช่น "กลับบ้านเร็วๆนะ" ก็น่ารักดี6. ซื้อดอกไม้จากเด็กขายดอกไม้ หรือร้านธรรมดาไม่ต้องหรู แล้วทำเป็นยื่นให้แบบตลกๆ7. แอบเอาชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ของเราที่เขาชอบมากใส่กระเป๋าทำงานเขา เวลาเขาเปิดออกมาจะได้หน้าแดงแป๊ด และแน่นอนต้องคิดถึงเรา8. sms ข้อความน่ารักๆส่งไปให้ ตลอดทั้งวันที่ไม่ได้เจอกัน9. แอบซื้อตั๋วกีฬาที่เขาอยากดู แล้วพาไปเลย อย่าถามนะ พาไปเลย10. จัดเน็คไทให้เขาก่อนออกจากบ้าน หรือใช้มือลูบเสื้อเขาอย่างนุ่มนวลประมาณว่าเราดูแลบุคลิกของเขานิดๆ11. จัดลิ้นชักกางเกงให้เขา จัดการเปลี่ยนตัวโปรดที่ยางยืดย้วยเสียให้ใหม่กระชับ12. เรียนรู้วิธีอบขนมที่เขาชอบ แล้วทำให้อร่อย พอที่เขาจะเอาไปฝากเพื่อนร่วมงานได้13. ไปข้างนอกแล้วโทรเข้ามาบอกว่ารถเสีย ให้เขาไปรับ พอเปิดหลังรถมีดอกไม้กองใหญ่สำหรับเขาวางอยู่14. ขอเพลงรักให้เขาทางรายการวิทยุที่เรารู้ว่าเขาต้องเปิดฟังอยู่ ถ้าจะให้ดีขอเพลงที่มีความหมายพิเศษสำหรับเราทั้งคู่นะ15. หาเรื่องจัดทริปโรแมนติก เอาแบบห่างไกลผู้คนหน่อย จะได้อยู่กันสองคนจริงๆ
16. ตัดข้อความจากหนังสือพิมพ์ที่เรารู้ว่าช่วยเขาเรื่องงาน หรือเรื่องที่เขาสนใจ แล้วเก็บไว้ให้เขา17. ตั้งปุ่มโทร.ออกออโตเมติกบนโทรศัพท์มือถือของเขาเป็นเบอร์เราเอง ให้กดปุ่มปุ๊บมาหาเราเลยทันที18. ยอมใจอ่อนซื้อเครื่องบินบังคับให้ แล้วพาเขาไปเล่นที่ลานอย่างพอใจ19. จัด บ้านให้โรแมนติก ปิดไฟ จุดเทียน พร้อมถอดเสื้อผ้าคุณทิ้งไว้เป็นระยะๆเรื่อยไปถึงห้องนอน พอเขากลับมา อย่าลืมวิ่งไปรอที่เตียงนะ ใส่ชุดเซ็กซี่ด้วย แล้วอย่าเผลอหลับไปก่อนล่ะ ระวังเทียนไหม้บ้านด้วยล่ะ20. ยอมแบ่งขนมเค้กให้เขามากกว่า และยอมฟังเขาร้องเพลงอย่างมีความสุขเวลารับประทาน21. เลิกบ่น เลิกถามจุกจิกเวลาไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทำตัวไว้ใจเขามากขึ้น และเชื่อเหอะว่าวิธีนี้ผู้ชายจะรักคุณมากขึ้นด้วย22. แต่งตัวเซ็กซี่แบบที่เรารู้ว่าเขาชอบเวลาไปเที่ยวกับเขา23. แต่งตัวน่ารักๆ เรียบร้อยนะเวลาแม่เขาไปด้วย24. รักหมาของเขา ยอมพามันไปเดินตอนเขาไม่อยู่ อย่าลืมลูบหัวมันด้วยนะ25. แอบดอดไปซื้อกางเกงยีนส์มือสองแสนแพงที่เขาเล็งไว้นานแล้วให้ อย่าลืมวัดเอวไปก่อนด้วยล่ะ26. ถามเขาว่าเหนื่อยไหมเวลากลับมาบ้าน หรือเจกันหลังเลิกงาน อย่ามัวแต่บนเรื่องของตัวเองเสียเพลิน27. ปล่อยให้เขาพูดมากกว่าคุณบ้างเวลาเขาต้องการ ผู้ชายก็อยากระบายความในใจเหมือนกันนะ28. ถึง แม้เรารู้เขากำลังหลงทาง อย่าคิดจะยุให้เขาถามทางจากคนอื่นเลยนะ เชื่อเถอเขาอยากทำให้คุณเชื่อมั่นในตัวเขา ปล่อยให้เขาขับไปเรื่อยๆจนไม่ไหวจริงๆ ค่อยพูดจะดีกว่า29. ให้อภัยเวลาเขาผิดนัดหรือต้องยกเลิกนัดเพราะติดงาน อย่างอนมากจนเกินเหตุ มันน่ารำคาญมากกว่าน่ารัก30. ฟังเขา แม้ว่าบางทีเราคิดว่าเขากำลังโกหกอยู่ก็ตาม แล้วค่อยๆถามว่าเกิดอะไรขึ้น31. อย่า เหล่ก้นชายหนุ่มคนอื่นเววลาอยู่กับเขาหรือแอบมองผู้ชายคนอื่นที่หล่อกว่า ต่อหน้า แล้วห้ามบอกด้วยว่าคุณคลั่งจู๊ด ลอว์แค่ไหน เขารับไม่ได้หรอก
16. ตัดข้อความจากหนังสือพิมพ์ที่เรารู้ว่าช่วยเขาเรื่องงาน หรือเรื่องที่เขาสนใจ แล้วเก็บไว้ให้เขา17. ตั้งปุ่มโทร.ออกออโตเมติกบนโทรศัพท์มือถือของเขาเป็นเบอร์เราเอง ให้กดปุ่มปุ๊บมาหาเราเลยทันที18. ยอมใจอ่อนซื้อเครื่องบินบังคับให้ แล้วพาเขาไปเล่นที่ลานอย่างพอใจ19. จัด บ้านให้โรแมนติก ปิดไฟ จุดเทียน พร้อมถอดเสื้อผ้าคุณทิ้งไว้เป็นระยะๆเรื่อยไปถึงห้องนอน พอเขากลับมา อย่าลืมวิ่งไปรอที่เตียงนะ ใส่ชุดเซ็กซี่ด้วย แล้วอย่าเผลอหลับไปก่อนล่ะ ระวังเทียนไหม้บ้านด้วยล่ะ20. ยอมแบ่งขนมเค้กให้เขามากกว่า และยอมฟังเขาร้องเพลงอย่างมีความสุขเวลารับประทาน21. เลิกบ่น เลิกถามจุกจิกเวลาไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทำตัวไว้ใจเขามากขึ้น และเชื่อเหอะว่าวิธีนี้ผู้ชายจะรักคุณมากขึ้นด้วย22. แต่งตัวเซ็กซี่แบบที่เรารู้ว่าเขาชอบเวลาไปเที่ยวกับเขา23. แต่งตัวน่ารักๆ เรียบร้อยนะเวลาแม่เขาไปด้วย24. รักหมาของเขา ยอมพามันไปเดินตอนเขาไม่อยู่ อย่าลืมลูบหัวมันด้วยนะ25. แอบดอดไปซื้อกางเกงยีนส์มือสองแสนแพงที่เขาเล็งไว้นานแล้วให้ อย่าลืมวัดเอวไปก่อนด้วยล่ะ26. ถามเขาว่าเหนื่อยไหมเวลากลับมาบ้าน หรือเจกันหลังเลิกงาน อย่ามัวแต่บนเรื่องของตัวเองเสียเพลิน27. ปล่อยให้เขาพูดมากกว่าคุณบ้างเวลาเขาต้องการ ผู้ชายก็อยากระบายความในใจเหมือนกันนะ28. ถึง แม้เรารู้เขากำลังหลงทาง อย่าคิดจะยุให้เขาถามทางจากคนอื่นเลยนะ เชื่อเถอเขาอยากทำให้คุณเชื่อมั่นในตัวเขา ปล่อยให้เขาขับไปเรื่อยๆจนไม่ไหวจริงๆ ค่อยพูดจะดีกว่า29. ให้อภัยเวลาเขาผิดนัดหรือต้องยกเลิกนัดเพราะติดงาน อย่างอนมากจนเกินเหตุ มันน่ารำคาญมากกว่าน่ารัก30. ฟังเขา แม้ว่าบางทีเราคิดว่าเขากำลังโกหกอยู่ก็ตาม แล้วค่อยๆถามว่าเกิดอะไรขึ้น31. อย่า เหล่ก้นชายหนุ่มคนอื่นเววลาอยู่กับเขาหรือแอบมองผู้ชายคนอื่นที่หล่อกว่า ต่อหน้า แล้วห้ามบอกด้วยว่าคุณคลั่งจู๊ด ลอว์แค่ไหน เขารับไม่ได้หรอก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ผู้ติดตาม
คลังบทความของบล็อก
-
►
2010
(72)
- ► กุมภาพันธ์ (6)
-
▼
2009
(67)
-
▼
สิงหาคม
(29)
- สิ่งมหัศจรรย์ใต้ท้องทะเล...แปลกดี!
- สำหรับในปีนี้อันตรายหนึ่งอย่างในหน้าฝนแบบนี้ นอกจา...
- 9 วิธีฝึกสมองให้คิดสร้างสรรค์
- "สี" เพิ่มความมั่นใจได้!!
- ภาษากายสื่อความหมายถึง....
- การกินยาที่ผิดวิธี
- ไม่อยาก"ดำ" เลือกครีมกันแดดอย่างถูกวิธี
- สุนัข" ฉลาดพอๆ กับเด็กอายุ 2 ขวบ
- ไม่มีชื่อ
- เผยกิน “แกงกะหรี่” ป้องกันอัลไซเมอร์ได้
- อุณหภูมิ >> น้องๆ ห้ามนำนาฬิกาเรือนโปรดของตัวเองไป...
- เรื่องน่ารู้
- ภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเร...
- ภาษาฝรั่งเศส
- ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศเนเธอร์แลนด์ข้อมูลทั่วไป...
- ภาษาเกาหลี
- กำเนิดดาวหาง
- มาอัพเดรตเทรนด์แฟชั่นกันค่ะ
- ดูแลผมดัด 1. ไม่สระผมภายใน48 ชั่วโมงแรกหลังก...
- เทรนด์ดัดผมยังแรงไม่หยุด ยิ่งในยุคนี้การจะมีผมลอนเ...
- ” การดัดผม”กับการดูแล “ผมดัด”
- ไม่มีชื่อ
- แฟชั่นเกาหลี
- วิธีบอกรักโดยไม่ต้องพูด
- ตุ๊กตา
- ไม่มีชื่อ
- ไม่มีชื่อ
- ไม่มีชื่อ
- ไม่มีชื่อ
-
▼
สิงหาคม
(29)