วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

Jules Verne



Born Jules Gabriel Verne


8 February 1828(1828-02-08)

Nantes, France

Died 24 March 1905 (aged 77)


Amiens, France

Occupation Novelist

Nationality French

Genres Science fiction, adventure novel



Notable work(s) A Journey to the Centre of the Earth, Twenty Thousand Leagues Under the Sea, Around the World in Eighty Days, From the Earth to the Moon,The Mysterious Island

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553


ดอกไม้นอกจากจะนำมาปรุงแต่งขึ้นโต๊ะอาหาร เป็นเมนูเพื่อสุขภาพระดับภัตตาคารแล้ว ล่าสุดมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จฯ ส่งผลงานวิจัยไอศกรีมดอกไม้ต้านอนุมูลอิสระ ให้เอสเอ็มอีในตลาดน้ำอัมพวาผลิตสู่ตลาด ผลิตภัณฑ์ไอศกรีมดอกไม้ต้านอนุมูลอิสระ ต่อยอดมาจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำดอกไม้ ผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) ที่วิจัยร่วมกับบริษัทอุตสาหกรรมขนมไทย จำกัด โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยมอบทุนวิจัย 1 แสนบาท"เราวิจัยดอกไม้ท้องถิ่นที่พบใน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ตั้งแต่ปี 2550 ช่วงแรกมุ่งวิเคราะห์หาสารต้านอนุมูลอิสระ พบดอกไม้หลายชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับที่น่าพอใจ" ดร.อัจฉรา แก้วน้อย อาจารย์ประจำสาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กล่าวผลวิจัยพบดอกไม้ 5 ชนิดที่โดดเด่นคือ ดาหลา ดอกเข็ม กุหลาบมอญ ดอกบัวและอัญชัน โดยดอกดาหลามีสารต้านอนุมูลอิสระมากสุดถึง 84.72% ตามาด้วยดอกเข็ม 83.97% กุหลาบมอญ 82.67% เกสรดอกบัว 73.23%และอัญชัน 26.33%“งานวิจัยระดับท้องถิ่นช่วยสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ อีกทั้งสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรรมเผยแพร่สู่สาธารณะ ทีมวิจัยยังได้วิจัยร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยแห่งอื่น โดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการวิจัยร่วมกัน”ดร.อัจฉรา ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัย กล่าว นอกจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำดอกไม้และไอศกรีมดอกไม้แล้ว ทีมงานยังขยายโครงการวิจัยต่อ โดยแปรรูปดอกไม้ต้านอนุมูลอิสระเป็นผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เช่น ขนมขบเคี้ยว เครื่องปรุงในอาหารคาวหวานน.ส.ปัญจรัตน์ วงศ์นภาพรรณ ผู้ประกอบการ บริษัทไอศกรีม วันมอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับทีมวิจัย มบส.พัฒนาไอศกรีมดอกไม้ไทยเพื่อการผลิตในเชิงพาณิชย์ โดยใช้สารสกัดจากดอกไม้ 5 ชนิดข้างต้นที่พบสารต้านอนุมูลอิสระสูง เป็นส่วนผสมสำคัญ พร้อมทั้งปรับปรุงรสชาติให้หลากหลายถึง 15 รสชาติ แต่จากการทดสอบชิมโดยอาสาสมัครประมาณ 300 คน พบเพียง 5 รสชาติเท่านั้นที่พึงพอใจ“การพัฒนาสูตรไอศกรีมดอกไม้ให้รสชาติอร่อย มีส่วนผสมที่ลงตัว ถือว่าเป็นเรื่องยาก แต่พอทุกอย่างนิ่งแล้ว การปรับรสชาติ หวาน เปรี้ยว ตามความพึงพอใจของผู้บริโภคสามารถทำได้”ไอศกรีมดอกไม้ทั้ง 5 รสชาติ ได้แก่ ดาหลาไวน์ใช้สารสกัดจากดอกดาหลา เข็มสตรอเบอรี่เชอเบทใช้สารสกัดจากดอกเข็ม กุหลาบนมใช้สารสกัดจากดอกกุหลาบมอญ บัวนมใช้สารสกัดจากเกสรดอกบัว และอัญชันมะพร้าวอ่อนใช้สารสกัดจากดอกอัญชันผลิตภัณฑ์ไอศกรีมดอกไม้จะจัดแสดงในงานนิทรรศการแสดงผลงานพัฒนาเทคโนโลยีทุนปริญญาตรี สกว. ครั้งที่ 7 ( IRPUS 52) ระหว่างวันที่ 27-29 มี.ค.นี้ ณ สยามพารากอน และวันที่ 1-5 เม.ย.ในงานประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยราชภัฏ ครั้งที่ 1 ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

บทกวีฝรั่งเศส...ฝนตกในใจฉัน

บทกวีบทนี้ใครที่เรียนภาษาฝรั่งเศสมา ยังไงก็ต้องรู้จักบทที่ยอดฮิตที่สุดก็บทแรก แต่บทท้าย ๆ อาจจะไม่คุ้นหูนะคะได้มาจากเพื่อนอีกที ก็เลยเอามาลงให้ค่ะIl pleure dans mon coeurComme il pleut sur la ville,Quelle est cette langueurQui pénètre mon coeur?O bruit doux de la pluiePar terre et sur les toits!Pour un coeur qui s'ennuieO le chant de la pluie!Il pleure sans raisonDans ce coeur qui s'écoeure.Quoi! nulle trahison?Ce deuil est sans raison.C'est bien la pire peineDe ne savoir pourquoi,Sans amour et sans haine,Mon coeur a tant de peine!

ดอกดาหลา


ต้นดาหลา (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Etlingera elatior (Jack) R.M. Smith )เป็นชื่อของพืชล้มลุกประเภทใบเลี้ยงเดี่ยวชนิดหนึ่งซึ่งมีดอกที่สวยงาม มีความนิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก ที่อยู่ในวงศ์ขิง( Zingiberales) ซึ่งจัดเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับขิงและข่านั้นเอง ส่วนลำต้นดาหลาจะอยู่ใต้ดินที่พวกเราเรียกว่าเหง้าซึ่งเหง้าที่พูดถึงนี้จะเป็นจุดกำเนิดของหน่ออ่อนของทั้งต้นและดอกดาหลาต่อไปต้นดาหลานอกจากจะนำมาเป็นไม้เพื่อชมความสวยงามของดอกแล้วยังสามารถนำดอกมาประกอบอาหารได้และก็มีคุณค่าทางสมุนไพรสูงมากด้วย
สายพันธุ์- ดอกสีแดงได้แก่ พันธุ์บัวแดงใหญ่ พันธุ์แดงอินโด- ดอกสีชมพู ได้แก่ พันธุ์บานเย็น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น ดาหลาเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายข่า มีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า (rhizome) เหง้านี้ จะเป็นบริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อต้น ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ในเวลา 1 ปี ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น เช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือลำต้นเทียม (pseudostem) ลำต้นเหนือดินสูง 2-3 เมตร มีสีเขียวเข้มใบ มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวไปหาปลายใบ และฐานใบ ใบไม่มีก้านใบ ผิวเกลี้ยงท้งด้านบนและด้านล่าง ใบยาว 30-80 เซ็นติเมตร กว้าง 10-15 เซนติเมตร ปลายใบ แหลมฐานใบเรียวลาดเข้าหาก้านใบ เส้นกลางใบปรากฏชัดทางด้านล่างของใบดอก ดอกดาหลาเป็นดอกช่อมีลักษณะดอกแบบ (head) ประกอบด้วยกลีบประดับ (Bracts) มี 2 ขนาด ส่วนโคนประกอบด้วยกลีบประดับขนาดใหญ่ มีความกว้างกลีบ 2-3 ซ.ม. จะมีสีแดงขลิบขาวเรียงซ้อนกันอยู่และจะบานออก ประมาณ 25-30 กลีบ และมีกลีบประดับ ขนาดเล็กอยู่ส่วนบนของช่อดอก ความกว้างกลีบประมาณ 1 ซ.ม. ซึ่งมีสีเดียวกับกลีบประดับ ขนาดใหญ่ กลีบประดับเล็กนี้จะหุบเข้าเรียงเป็นระดับมีประมาณ 300-330 กลีบ ภายในกลีบ ประดับขนาดใหญ่ที่บานออกจะมีดอกจนิงขนาดเล็กกลีบดอกสีแดง ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศอยู่ จำนวนมาก ดอกบานเต็มที่จะมีขนาดความกว้างดอกประมาณ 14-16 เซนติเมตร ความยาวช่อ 10-15 เซนติเมตร มีก้านช่อดอกยาว 30-150 เซนติเมตร ลักษณะก้านช่อดอกแข็งตรง ดอก จะออกตลอดปีแต่จะให้ดอกดกที่สุดในช่วงฤดูร้อน คือ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ดอกจะ พัฒนามาจากหน่อดอกที่แทงออกมาจากเหง้าใต้ดินลักษณะของหน่อจะมีสีชมพู ที่ปลายหน่อ
การขยายพันธุ์
ดาหลาสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1. การแยกหน่อ ควรแยกหน่อที่มีความเหมาะสมนำไปปลูกคือ สูงประมาณ 60-100 ซ.ม. ขึ้นไปและมีกิ่งอ่อนกึ่งแก่นประมาณ 4-5 ใบ ใช้มีตัดให้มีเหง้า และรากติดอยู่ด้วย ซึ่งหน่อชนิดนี้จะมีหน่อดอกอ่อน ๆ ติดมาด้วยประมาณ 3 หน่อ นำไปชำในถึงพลาสติก 1 เดือนเพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนปลูก
2. การแยกเหง้า โดยการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น แล้วนำไปชำในแปลงเพาะชำ วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะเริ่มให้ดอก
3. การปักชำหน่อแก่ โดยนำไปชำในแปลงเพาะชำให้แตกหน่อใหม่แข็งแรง แล้วจึงค่อยย้ายมาปลูกลงแปลง
การเตรียมแปลงปลูกดาหลา
พื้นที่ดอน
ทำการพรวน ตากดินไว้ประมาณ 5 - 7 วัน และย่อยดินให้ละเอียดเก็บวัชพืชออกให้หมดพื้นที่ลุ่ม
ทำการขุดยกร่องสวน มีคูน้ำลึก 1 เมตร กว้าง 1 เมตร แปลงปลูกกว้าง 2-3 เมตร ความยาวตามขนาดของพื้นที่ และมีการไถพรวนตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน เก็บวัชพืชออกให้หมดการเตรียมดิน
การเตรียมดินโดยไถพรวนดิน แล้วขุดหลุมปลูก จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมในกรณีที่ปลูกดาหลาแบบไม่ยกร่องสวน จะทำการไถปรับดินให้สม่ำเสมอ เพิ่มปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 20-20-20 ในอัตรา 1 : 25 แล้วขุดหลุมปลูกแบบเดียวกับการปลูกแบบยกร่องสวนนี้อาจปลูกแซมในไม้หลักเช่น ไม้ผล
ระยะปลูก
การปลูกดาหลาจะไม่มีระยะปลูกที่แน่นอน แต่จะขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของเกษตรกรเอง โดยส่วนใหญ่แล้วเกษตรกรจะปลูกในระยะ 2 x 2 เมตร
การปลูก
โดยใช้หน่อที่มีเหง้าและรากติดมาด้วย เหง้าที่ตัดมาควรมีความยาวประมาณ 5 นิ้ว โดยสังเกตุให้หน่อนั้น ๆ มีใบติดมาประมาณ 4 คู่ใบ ปลูกลงในหลุมที่เตรียมไว้ แล้วทำการกลบดินให้สูงประมาณ 6 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่ม อาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพอกทับโคนต้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้น นอกจากนี้ควรหาไม้หลักมาผูกติดกับลำต้นกันต้นโยก
การดูแลรักษาดาหลา
การให้ปุ๋ย
จะให้ปุ๋ยดาหลาประมาณ 2 - 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ (16-16-16) ในอัตรา 96 กก./ไร่/ปี และให้ปุ๋ยคอกในอัตรา 15 กก./ต้น/ปี นอกจากนี้อาจใช้อินทรีย์วัสถุที่ผุพังแล้ว เช่น ใบไม้ต่าง ๆ หรือลำต้นแก่ของดาหลา, วัชพืชที่ขึ้นตามท้องร่อง มาเป็นปุ๋ยหมัก หรืออาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพูนใส่ตามโค้นต้น ซึ่งดินแลนนี้จะมีอินทรีย์วัตถุสูง
การให้น้ำ
ดาหลาเป็นพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณที่มากพอสมควร โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกของการปลูก ควรรดน้ำให้ชุ่ม โดยใช้แครงสาดวันละ 1 ครั้ง เมื่อต้นดาหลาตั้งตัวได้อาจเว้นระยะห่างของการให้น้ำจากวันละครั้งออกไปเป็นประมาณ 2-3 วันต่อครั้ง แต่ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ ถ้าเป็นฤดูร้อนควรเพิ่มการให้น้ำมากขึ้นโดยใช้ระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย (springkler) บนแปลงที่ไม่ยกร่อง
การป้องกันกำจัดวัชพืช
ดาหลาเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตเร็ว แตกหน่อได้มาก ทำให้กอแน่นใบบังแสงซึ่งกันและกัน การกำจัดวัชพืชจะต้องกระทำมากในช่วงแรกของการปลูก เมื่อดาหลาโตมาก ๆ จะทำให้แสงที่ส่องผ่านมากระทบพื้นดินน้อย วัชพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้ จึงไม่ต้องทำการกำจัดวัชพืชมากนัก
โรคและแมลงยังไม่พบโรคที่เป็นปัญหาสำคัญกับดาหลา แต่มีแมลงสำคัญดังนี้
1. หนอนเจาะลำต้น
ลักษณะการทำลาย เข้าทำลายต้นแก่ โดยไปเจาะบริเวณลำต้น ทำให้ต้นดาหลาหยุดชะงักการเจริญเติบโต และไม่สามารถให้ออกดอกได้
การป้องกันกำจัด ใช้ฟูราดาน 3% โรยบริเวณรอบ ๆ โค้นต้น หรืออาจใช้เซฟวิน
2. มดแดง
ลักษณะการทำลาย กรดจากสิ่งขับถ่ายของมดแดงจะทำให้กีบดอกเกิดรอยขาวเป็นจุด ๆ
การป้องกันกำจัด เก็บรังมดแดงออกจากต้น และใช้ย่าฆ่ามด
การเก็บเกี่ยวดาหลา
ดอกดาหลาที่มีความสมบูรณ์พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้มีอายุประมาณ 2 อาทิตย์ นับตั้งแต่เริ่มแทงหน่อดอก ตัดดอกในช่วงเช้าโดยการตัดก้านดอกให้ยาวชิดโคนต้น แล้วแช่ก้านดอกลงในถังที่มีน้ำบรรจุอยู่

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

หลักสูตรภาษาฝรั่งเศสในประเทศ ฝรั่งเศส

ถ้าคุณกำลังมองหาเมืองที่มีความโรแมนติค สวนไวน์ที่งดงาม หายทรายที่แสงแดดทอประกาย หรือภูเขาที่หิมะปกคลุม ฝรั่งเศส คือสถาณที่ดังกล่าว ระหว่างที่คุณกำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสกับคอร์สของ EF คุณจะสามารถสัมผัสกับทิวทัศน์ที่งดงาม ศิลปะชั้นครู อาหารมีระดับที่ทำให้ ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายใฝ่หา และในคอร์สภาษาฝรั่งเศสที่ EF นี้จะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคอยช่วยเหลือคุณและคุณสามารถใช้เป็นที่สำหรับเตรียมตัวสอบ DELF หรือ DALF ได้เป็นอย่างดี

Ernest Hemingway เคยกล่าวไว้ว่า “If you are lucky enough to have lived in Paris as a young man, then wherever you go for the rest of your life, it stays with you “ การเข้าศึกษาคอร์สภาษาฝรั่งเศสใน Paris จะทำให้คุณได้สัมผัสกับชีวิตแบบปารีส ค้นหาความเป็นสุดยอดด้านสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง Caf้ และ ภัตราคารระดับโลกและโรงภาพยนต์นอกกรอบ

หรือถ้าคุณเข้าเรียนในคอร์สที่ Nice เมืองซึ่งเป็นหัวใจของชายฝั่ง French Riviera คุณจะเพลิดเพลินไปกับชายหาดที่มีชื่อเสียงและรีสอทที่งดงาม คุณภาพของคอร์สภาษาฝรั่งเศสที่ Nice ได้รับการรับรองจากองค์การ EAQUALSแห่งฝรั่งเศส (the Label Qualit้ Fran็ais Langue Etrang่re) EF Nice ผสมผสานระหว่างคุณภาพของโรงเรียนสอนภาษาที่ยอดเยี่ยมกับทำเลอันยอดเยี่นมในใจกลางเมือง

หลักสูตรภาษาที่เปิดสอนที่โรงเรียนภาษาEF ใน ฝรั่งเศส
หลักสูตรเรียนภาษาแบบเร่งรัดใน ฝรั่งเศส
สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาฝรั่งเศส ในเวลาอันรวดเร็วIntensive French course หลักสูตรภาษาแบบเร่งรัดในนี้ประกอบด้วย 32 คาบเรียนต่อสัปดาห์

หลักสูตรเรียนภาษาแบบมาตรฐานใน ฝรั่งเศส
หลักสูตรGeneral French course นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนพัฒนาทักษะสู่ระดับถัดไปได้ทุกหกสัปดาห์ เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนรู้ทำความเข้าใจภาษาฝรั่งเศสที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หลักสูตร General English เปิดสอนในทุกเมืองและทุกระดับความรู้ ตั้งแต่ระดับ beginners จนกระทั่ง advanced ด้วยจำนวน 26 คาบต่อสัปดาห์

หลักสูตรเรียนภาษาแบบพื้นฐานใน ฝรั่งเศส
นักเรียนที่ต้องการฝึกทักษะภาษาในสถานการณ์จริงไปพร้อมกับการได้ทัศนศึกษาในต่างประเทศ Basic French course เป็นการเพิ่มโอกาสที่มากกว่าให้ได้ประสบการณ์ที่มีค่านอกห้องเรียนในเมืองที่คุณเลือกเรียน โดยนักเรียนจะเรียนภาษาในห้องเรียนครึ่งวันเช้า และทำกิจกรรมที่น่าสนใจในช่วงบ่ายด้วยจำนวนบทเรียน 20 บทต่อสัปดาห์

หลักสูตรเรียนภาษาพร้อมฝึกงานใน ฝรั่งเศส
หลักสูตรเรียนภาษาพร้อมฝึกงานInternship in France เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีระดับภาษาอังกฤษขั้น Upper Intermediate ถึงขั้น Advanced และผู้ที่ต้องการเรียนภาษาฝรั่งเศสไปพร้อมกับการฝึกงานในบริษัทจริงในประเทศฝรั่งเศสระยะเวลา ขั้นต่ำของหลักสูตรเรียนภาษาพร้อมฝึกงานที่ฝรั่งเศส อยู่ที่ 8 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งรวมชั่วโมงในการฝึกงานประมาณ 50-100 ชั่วโมง การฝึกงานแบบชั่วคราวนี้จะไม่ได้รับค่าจ้างใดๆ แต่นักเรียนจะได้รับประสบการณ์และทักษะทางภาษาอังกฤษในสายอาชีพที่สนใจ รู้จักเพื่อนใหม่ในสายงานนั้น และสร้างสมประสบการณ์ทำงานไปพร้อมกับการทำงานร่วมกับชาวฝรั่งเศส ซึ่งพูดภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาหลัก เมื่อคุณจบหลักสูตรฝึกงานที่ประเทศฝรั่งเศส ประวัติการทำงานของคุณจะโดดเด่นและน่าสนใจมากขึ้น สำหรับนายจ้างทั้งในฝรั่งเศสและบริษัททั่วโลก

หลักสูตรเตรียมความพร้อมในการสอบวัดระดับภาษาใน ฝรั่งเศส
ถ้าคุณกำลังเตรียมตัวเพื่อสอบวัดระดับทักษะทางภาษาภาษาฝรั่งเศสระดับนานาชาติ EF ขอเสนอ exam preparation courses ทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการสอบ DELF หรือ DALF exam ซึ่งเป็นข้อสอบวัดความเข้าใจในภาษาฝรั่งเศสที่นิยมใช้เพื่อศึกษาต่อ และเป็นที่ยอมรับของมหาวิทยาลัยและองค์กรที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสทั่วโลก หลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบนี้ จะช่วยเพิ่มคะแนนสอบของคุณได้เป็นอย่างดี

Le Dipl๔me d'ษtudes en Langue Fran็aise (DELF)
ผู้ที่ต้องการสอบ DALF ต้องผ่านการสอบ DELF ทั้งสองระดับเสียก่อน หรือจะสอบ placement เพื่อเข้าเรียนต่อโท เนื่องจากมหาวิทยาลัยที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสทั่วโลก ใช้ผลสอบ DALF เป็นเครื่องมือในการวัดข้อสอบวัดความเข้าใจในภาษาฝรั่งเศส เพื่อศึกษาต่อ เรียนต่อโทในระดับมหาวิทยาลัย

Le Dipl๔me Approfondi en Langue Fran็aise (DALF)
ผู้ที่ต้องการสอบ DALF ต้องผ่านการสอบ DELF ทั้งสองระดับเสียก่อน หรือจะสอบ placement เพื่อเข้าเรียนเนื่องจากมหาวิทยาลัยที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสทั่วโลกใช้ผลสอบ DALF เป็นเครื่องมือในการวัดข้อสอบวัดความเข้าใจในภาษาฝรั่งเศสเพื่อศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย

ที่พักในประเทศ ฝรั่งเศส
โรงเรียนภาษา EF ที่ฝรั่งเศสเรามีบริการที่พักในหลาย ๆ รูปแบบให้คุณเลือก คุณสามารถเลือกพักกับครอบครัวท้องถิ่นที่ได้ผ่านการเลือกสรรมาอย่างดี ซึ่งโดยปกติค่าหลักสูตรภาษาของโรงเรียนภาษา EF จะได้รวมที่พักครอบครัวท้องถิ่นห้องคู่ไว้อยู่แล้ว การพักกับครอบครัวท้องถิ่นจะเปิดโอกาสให้คุณได้ฝึกสนทนากับเจ้าบ้านเป็นภาษาฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี หากคุณกำลังมองหาความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศการเรียนแบบนานาชาติ หอพักนักเรียนอาจเป็นคำตอบ หอพักนักเรียนที่ Nice the Villa Saint Exup้ry เปิดรับนักเรียนของ EF ตลอดทั้งปี เป็นที่นิยมอย่างมาก หอพักมีทั้งหอพักห้องคู่ หรือห้องสามสามคน ราคา และ ห้องเดี่ยวราคา พร้อมเอร็ดอร่อยกับบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าและ Wi-Fi อินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ในช่วงซัมเมอร์ ยังมีหอพักนักศึกษาเปิดให้บริการเพิ่มเติม

หอพักสำหรับนักศึกษา EF ที่ปารีส คือ Aparthotel Citea chain และอีก 3 แห่งในปารีส ซึ่ง 2 แห่งแรกอยู่ห่างจาก Champs Elys้es เพียง 15 นาที และแห่งที่สาม สามารถเดินไปชมวิวปารีสที่ Bois de Vincennes สวนสาธารณะขนาดใหญ่และ Place de la Nation ซึ่งคุณสามารถเลือกพักห้อง สองคน ในราคาUSD ต่อสัปดาห์ และห้องเดี่ยว ในราคาUSD ต่อสัปดาห์ พร้อม โทรศัพท์ เคเบิลทีวี และอินเตอร์เน็ตไร้สายและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

ราคา
ราคาค่าใช้จ่ายของภาษาฝรั่งเศส ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเรียน ประเภทของหลักสูตรที่เลือก และรูปแบบของที่พัก เช่น หลักสูตรมาตราฐาน General French course in Nice สำหรับหลักสูตร 2 สัปดาห์เริ่มต้นที่ USD1,320 และหลักสูตรภาษาแบบเร่งรัด Intensive French course in Paris เริ่มต้นที่ USD1,510 ค่าใช้จ่ายหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสทุกหลักสูตร รวมค่าเล่าเรียน เอกสารประกอบการเรียนและ ค่าที่พักกับครอบครัวท้องถิ่น พร้อมอาหารเช้าและเย็น

ดูรายละเอียดราคาหลักสูตรต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่หน้าราคา prices
เมืองต่างๆที่เปิดสอนในมอลต้า ฝรั่งเศส
นีส ปารีส ประเทศอื่นๆ ที่คุณสามารถเลือกหลักสูตรเรียนภาษาฝรั่งเศส
หลักสูตรภาษาอื่นๆที่คุณสามารถเลือกเรียนกับ EF
อังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาเลี่ยน ภาษาสเปน ภาษาจีน

ค่าเล่าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาของฝรั่งเศส

การเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา รัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของนักศึกษาแต่ละคนเป็นส่วนใหญ่ (โดยใช้งบประมาณ 6000 ยูโรต่อคนในแต่ละปี)ยังผลให้ประเทศฝรั่งเศสจัดเป็นหนึ่งในประเทศที่ค่าเล่าเรียนน้อยที่สุดในโลก

ค่าลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐจะอยู่ที่ปีละประมาณ 300 ยูโร สำหรับโรงเรียนชั้นสูงสายวิศวกรรมของรัฐ ค่าเล่าเรียนประมาณ 600 ยูโรต่อปี และสำหรับสถาบันเอกชน ค่าเล่าเรียนจะสูงขึ้นแล้วแต่ประเภทของสถาบันการศึกษานั้นๆ

ส่วนการดำเนินชีวิตในประเทศฝรั่งเศส ในแต่ละเดือนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 1000 ยูโร ซึ่งจะร่วมค่าใช้จ่ายทั้งหมด อาทิ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทางและสันทนาการ เป็นต้น

ชาวฝรั่งเศสในประเทศไทย

ตามข้อมูลที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 ชาวฝรั่งเศสซึ่งพำนักอยู่ในประเทศไทยไม่ว่าถาวรหรือชั่วคราวซึ่งลงทะเบียนไว้ ณ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสมีทั้งสิ้น 4,506 คน ในจำนวนนี้ 853 คนถือ 2 สัญชาติ ชาวฝรั่งเศสที่พำนักอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้ลงทะเบียนดังกล่าวคาดว่ามีจำนวนประมาณ 1,800 ถึง 2,000 คน ดังนั้นชาวฝรั่งเศสซึ่งพำนักอยู่ในประเทศไทยน่าจะมีจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 6,000 คน








ชาวฝรั่งเศสในประเทศไทยพำนักอยู่ในกรุงเทพฯคิดเป็นร้อยละ 67 ที่เหลืออาศัยอยู่มากที่สุดในเขตเทศบาลเมืองพัทยา จังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่ตามลำดับ ร้อยละ 54.95 ของชาวฝรั่งเศสดังกล่าวยังคงประกอบอาชีพอยู่ ในจำนวนนี้ร้อยละ 85.70 ทำงานในภาคบริการ

สัมภาษณ์ทูตไทยในฝรั่งเศส

เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 นายธนะ ดวงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ได้ให้สัมภาษณ์วารสาร “บุษบา” ของชมรมสตรีไทยในฝรั่งเศส ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในการสนับสนุนงานของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ในการปกป้องสิทธิและดูแลผลประโยชน์ของคนไทยในฝรั่งเศส รวมทั้งช่วยรักษาภาพลักษณ์ประเทศไทยและสตรีไทยในยุโรปเป็นเวลาต่อเนื่องกัน 5 ปีแล้ว ในการนี้ จึงขอเสนอบางส่วนของบทสัมภาษณ์ของเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้เรียบเรียงเกี่ยวกับงานด้านการกงสุล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่สนใจ ดังนี้


การดูแลและปกป้องคุ้มครองคนไทยในฝรั่งเศส
สถานเอกอัครราชทูตฯ มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องให้ความสะดวกและคุ้มครองคนไทย ภายใต้สนธิสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต และว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส เป็นสถานเอกอัครราชทูตขนาดใหญ่ในยุโรปแห่งหนึ่ง แต่มีเจ้าหน้าที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับปริมาณคนไทยที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส ซึ่งตามสถิติมีกว่า 10,000 คน ซึ่งกระจายกันอยู่ตามเมืองต่าง ๆ
หากมีโอกาส เอกอัครราชทูตฯ หรือผู้แทนจะเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนชุมชนคนไทยในเมืองต่าง ๆ ของฝรั่งเศสเสมอ เนื่องจากให้ความสำคัญในการดูแลและคุ้มครองคนไทยรวมทั้งเป็นการสร้างความคุ้นเคยระหว่างราชการกับคนไทยในท้องถิ่นนั้น ๆ ปัจจุบัน สถานเอกอัครราชทูตฯ มีนโยบายที่จะจัดกงสุลสัญจรไปอำนวยความสะดวกด้านเอกสารแก่คนไทยที่อยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ในฝรั่งเศสด้วย
การพบปะกับคนไทยตามหัวเมืองต่าง ๆ นอกจากจะสร้างความคุ้นเคยระหว่างกันแล้ว ยังช่วยสนับสนุนการทำงานของกันและกัน เช่น หากสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งกรณีคนไทยถูกจับกุมหรือถูกจำคุก ก็จะไปเยี่ยมเยือนและให้ความช่วยเหลือ อาทิ ดำเนินการโอนตัวนักโทษไทยกลับประเทศ (หากเป็นความประสงค์ของนักโทษเอง) ส่งเจ้าหน้าที่ล่ามไปช่วยสื่อสารภาษา อย่างไรก็ดี การที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปหัวเมืองต่าง ๆ เป็นเวลานาน ย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ประชาชนคนไทย ชมรมและสมาคมคนไทยทั้งหลาย จะช่วยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มาก โดยจะเป็นหูเป็นตาให้แก่ทางราชการ และช่วยในการประสานกับคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยาก ทำให้ผู้ที่ประสบเคราะห์ได้รับความอบอุ่น
ที่ผ่านมา นอกจากชมรมสตรีไทยที่ช่วยเหลืองานสถานเอกอัครราชทูตฯ แล้ว ยังมีสมาคมนักเรียนไทยที่ได้ช่วยเหลือนักเรียนทุนรัฐบาลโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือที่เรียกว่า ODOS ที่เดินทางมาศึกษาในฝรั่งเศส โดยรุ่นแรกได้เดินทางมาเมื่อปี 2547 กว่า 180 คน และรุ่นที่ 2 ในปี 2549 อีก 180 คน ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้ร่วมคณะของสำนักงาน ก.พ. ไปเยี่ยมนักเรียน ODOS อย่างสม่ำเสมอ เช่นที่เมือง Montpellier เมือง Dijon และมีกำหนดจะไปเยี่ยมนักเรียน ODOS ที่เมือง Le Mans Nancy Brest Besancon และ Royan
อนึ่ง นอกจากสถานเอกอัครราชทูตฯ จะเดินทางพบปะเยี่ยมเยียนคนไทยแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ไปพบปะกับทางการท้องถิ่นของฝรั่งเศสด้วย โดยให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ยิ่งตอนนี้เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ยิ่งมีความจำเป็นต้องไปชี้แจง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เดินทางไปพบปะกับหอการค้าที่เมือง Marseille ปี 2550 นี้ มีแผนที่จะไปเยือนอย่างน้องอีก 4 เมือง คือ Bordeaux Lyon Strasbourg และ Monaco เพื่อทำความรู้จักกับผู้นำท้องถิ่นและนักธุรกิจของแต่ละเมือง ไม่เฉพาะแต่ในกรุงปารีสเท่านั้น


กิจกรรมของสถานเอกอัครราชทูตฯ ในปี 2550 ที่คนไทยสามารถมีส่วนร่วมได้
เมื่อปี 2549 ไทยได้จัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมของไทย จัดงานวัฒนธรรม ในประเทศฝรั่งเศสอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคนไทยในฝรั่งเศส
ในปี 2550 นี้ จะมีงานสำคัญ คือ งานฉลอง 80 พระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถานเอกอัครราชทูตไทยทั้งหลาย ก็จะมีกิจกรรมพิเศษจัดงานเฉลิมฉลองในวโรกาสพิเศษนี้ สำหรับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ก็จะดำเนินการเช่นกัน และจะขอความร่วมมือจากคนไทยในฝรั่งเศส ทั้งนี้ ในวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาและวันชาติของไทย โดยประเพณีปฏิบัติแล้ว จะมีงานเลี้ยงรับรองที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ โดยส่วนใหญ่จะมีชาวฝรั่งเศสและคณะทูตจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม แต่ในปีนี้ จะเน้นการมีส่วนร่วมของคนไทยด้วย เพื่อให้ทุกคนสามารถแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงของเรา ดังนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ
จะหารือกับชุมชน/ชมรม/สมาคมคนไทย เกี่ยวกับลักษณะของการจัดงาน โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ จะให้การสนับสนุนและร่วมมืออย่างเต็มที่

มีผู้คนเข้ารับอิสลามในฝรั่งเศส 3600 คนต่อปี

Les conversions à l’islam en France

Le phénomène toucherait 3 600 personnes par an en France. À côté d’une séduction intellectuelle et spirituelle, c’est dans les banlieues que ces conversions sont les plus fréquentes. A lire, et à méditer,
Jean Gouraud a embrassé l’islam il y a huit ans. Il avait 18 ans. « J’étais de culture catholique, mais j’avais arrêté de pratiquer », raconte ce jeune homme de la région parisienne, âgé aujourd’hui de 26 ans. Arrêt de la pratique catholique, mais poursuite de la quête spirituelle avec « beaucoup d’amis musulmans que je fréquentais », explique-t-il.
Une première approche de l’islam, prolongée et nourrie par des lectures et de rencontres avec des musulmans… convertis de la première génération, il y a une vingtaine d’années. « C’est avec eux que j’ai pu avancer », explique-t-il. Et embrasser définitivement l’islam, en prononçant la chahada, la profession de foi islamique tirée du Coran : « J’atteste qu’il n’y a pas d’autre divinité que Dieu et que Mohammed est Son Envoyé. »
Comme Jean il y a huit ans, prénommé désormais Abd Al Wadoud, ils seraient aujourd’hui une dizaine par jour à se convertir à l’islam en France, « selon les remontées que nous font les responsables associatifs musulmans », signale Didier Leschi, chef du bureau des cultes au ministère de l’Intérieur. Soit 3 600 convertis par an environ.

Entre 30 000 et 70 000 convertis à l’islam en France
Combien sont-ils aujourd’hui en estimation cumulée ? Difficile à dire, mais des chiffres circulent. Évaluation basse : 30 000. Haute : 70 000. « Il y a toujours eu des conversions à l’islam, » rappelle Didier Leschi.
Il y a vingt ans, en effet, la grosse majorité des convertis français issus de la culture judéo-chrétienne passaient par le soufisme, au terme d’une quête spirituelle dans le sillage notamment d’un René Guénon, qui a joué un rôle spirituel très important dans les conversions à l’islam après-guerre.
Aujourd’hui, les convertis découvrent de plus en plus l’islam dans le cadre d’une proximité vécue avec celui des banlieues. Et, contrairement à Jean « Abd Al Wadoud » Gouraud, plutôt dans la lignée des convertis de la première génération, un nombre croissant optent pour un islam de Ahlou sounna wal jamaa.

Conversion de proximité
La conversion de proximité : un phénomène déjà décrit par la sociologue Fatiha Ajbli, membre de l’Union des organisations islamiques de France (UOIF), auteur d’un mémoire de DEA sur la conversion dans le Nord, département où certains jeunes non musulmans côtoient l’islam au quotidien à l’école.
Un phénomène que constate aussi Éric « Younès » Geoffroy, islamologue à l’université Marc-Bloch de Strasbourg. Lui s’est converti en 1984 via le soufisme (que nous regrettons ! NdR), après une quête spirituelle « de longue haleine » le faisant passer par le catholicisme – sa religion d’origine –, la pratique zen, le bouddhisme, le christianisme orthodoxe, puis l’islam.
« Jusqu’à il y a une quinzaine d’années, la plupart des conversions étaient comparables à la mienne et passaient par un intérêt spirituel, explique l’universitaire alsacien. Ce qui est nouveau, ce sont les conversions de proximité, dans les cités, où des jeunes Européens, pas toujours “français” d’origine, côtoient des musulmans. Ce sont des conversions plus simples que la mienne. »
Loïc Le Pape, doctorant à l’École des hautes études en sciences sociales de Marseille, a étudié certains cas de conversions à l’islam, sur les secteurs de Strasbourg et Marseille.
Il distingue pour sa part trois types de convertis aujourd'hui : « Un tiers sont des convertis mystiques à l’issue d’une quête spirituelle, un tiers le sont par proximité avec des musulmans, notamment dans les banlieues, et un autre tiers sont des convertis par le mariage avec un conjoint musulman », constate-t-il. Car même si un musulman peut se marier avec une adepte d’une autre religion monothéiste, une musulmane doit épouser un coreligionnaire.

Des sportifs convertis à l’islam
Franck Ribéry. À 23 ans, le footballeur professionnel du club de Bayern de Munich est membre de l’équipe de France. Il a grandi à Boulogne-sur-Mer, où certains de ses copains étaient musulmans. Issu d’une famille modeste et marié avec Wahiba, d’origine algérienne. Il s’est converti durant son adolescence et prie sur les terrains avant les matchs. « Cette religion, c’est moi qui l’ai choisie. C’est aussi elle qui me donne de la force », a-t-il expliqué au mois de juin dans Paris Match.
Nicolas Anelka. À 27 ans, le footballeur joue actuellement en Angleterre. Il a grandi à Trappes, en région parisienne. Ses parents sont venus de Martinique et travaillaient pour l’éducation nationale. Il se serait converti vers 16 ans, alors qu’il était stagiaire au PSG. Il ne parle pas ou peu de religion dans ses interviews, sauf dans un entretien dans L’Équipe magazine, en avril 2005 : « Je vis ma religion sereinement, sans prosélytisme. »
Philippe Troussier. L’ex-footballeur professionnel de 51 ans a entraîné notamment le Nigeria et l’Olympique de Marseille. Il vit au Maroc depuis une dizaine d’années, et s’est converti au printemps, avec sa femme. Il a expliqué dans L’Équipe magazine du 8 avril 2006 que sa conversion correspondait à un « long cheminement ». Par ailleurs, d’après lui, sa conversion va lui permettre de faire des trois petites filles qu’il a adoptées au Maroc ses héritières, tout en les élevant dans leur culture.
Tariq Abdul-Wahad (ex-Olivier Saint-Jean). Le basketteur de 31 ans est le premier Français à avoir joué en NBA, en 1997. Il est né à Maisons-Alfort, en banlieue parisienne, de parents venus de Guyane. Il s’est converti en 1997, aux États-Unis, où il jouait pour l’université de San Jose et où il a rencontré un musulman dont la force de caractère et la générosité l’ont poussé à vouloir en savoir plus. Il arbore sa religion et en est fier. Il est marié avec une Française d’origine marocaine, Khadija, qui est vêtue du voile islamique ma cha Allah. Ils ont trois enfants.

L'équipe islamhouse...

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน