วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เสริจมูกปลูกย้ายไขมัน



ก้าวไปอีกขั้นในวงการศัลยกรรมตกแต่ง และเป็นส่วนที่นิยมทำกันมากซะด้วย ก็คือ จมูก การเสริมจมูกนิยมเสริมดั้งโดยมาก เพราะคนไทยเรามีลักษณะพันธุกรรมเป็นมาอย่างนี้ แต่ความรู้สึกว่า คนสวย หล่อ หน้าตาดี ต้องดั้งสวย ได้รูป พอเหมาะกับโครงสร้างหน้า โดยการเสริมจมูกนั้น จากสมัยก่อนฉีดของเหลวเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนเหลว ไขมัน ฯลฯ ซึ่งก้เกิดปัญหามากมาย ทั้งไม่ได้รูปทรงที่คงตัว เกิดปัญหาเน่าพัง จนมาเกิดซิลิโคนแข็งก้เป็นที่นิยม ปลอดภัย แต่ก็ยังมีข้อติบ้าง ที่ดูแข็งกระด้างผิดธรรมชาติ หรือแท่งซิลิโคนเล็กๆ นั้นเกิดโผล่ขึ้นมาเสมอผิวหนังจนมองเห็นร่องรอย หรือหนักกว่านั้นทะลุผิวออมาอวดโฉมความลับซะเลย




ล่าสุด ศัลยแพทย์ตกแต่งไทยได้คิดค้นการเสริมจมูกด้วยการปลูกย้ายไขมัน (Graft) ขึ้นมาป้องกันวัสดุแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย แต่เป็นไขมันส่วนหน้าท้องของเจ้าตัวนั่นเอง ที่ให้ความลงตัว ไม่ไหลย้อย เสียรูปทรงศัลยแพทย์ผู้นั้นคือ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชดานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย

การผ่าตัดเสริมสวยด้วยจมูก



วิธีการผ่าตัด




การเสริมจมูกจะใช้การผ่าตัดขนาดเล็ก และเกือบจะทั้งหมดใช้ในการเสริมด้วยซิลิโคน (Medical Grade Silicone) ที่ยอมรับถึงความปลอดภัยสูง โดยสอดผ่านทางรอยผ่าตัดนี้จะมองไม่เห็นจากภายนอก แพทย์จะเริ่มผ่าตัดขนาดเล็กที่ด้านในของจมูก ซึ่งแผลเหล่านี้จะมองไม่เห็นจากภายนอก แพทย์จะเริ่มผ่าตัดโดยการออกแบบซิลิโคนให้เข้ากับรูปหน้า และโครงสร้างจมูกก่อน จากนั้นจึงเริ่มการเสริมจมูกโดยการฉีดยาชาพาะบริเวณที่รอบจมูก บางรายอาจใช้ยาสลบร่วมด้วยโดยการฉีดยาหรือกินก็มี สำหรับผู้ที่จะทำเกิดตื่นเต้นมาก แต่ส่วนใหญ่ใช้ยาชาก็พอแล้ว หลังผ่าตัดก็สามารถกลับบ้านได้ทันที แพทย์จะนัดมาตรวจดูอีกครั้ง 7 วันให้หลัง เพื่อตัดไหมและตรวจดูความเรียบร้อย

เข็มทิศปัญหารอบดวงตา




น่าแปลกที่พื้นที่ผิวไม่กี่ตารางเวนติเมตรนี้สามารถบ่งบอกถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของคุณได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น นอนดึกกินอาหารขยะ หรือไปเที่ยวทะเลมา เนื่องจากผิวตรงนี้แสนจะบอบบาง จึงมีแนวโน้มสูงที่มันจะฟ้องวัยและไลฟ์สไตล์แย่ๆ ของคุณก่อนส่วนอื่น ทั้งยังไวต่อสิ่งเร้าและระคายเคืองง่ายอีกแน่




เพราะเหตุนี้นี่แหละ อายครีมจึงเป็นผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยชิ้นแรก ที่ผู้หญิงมองหา ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยมว่ามันจะช่วยยกกระซับ ดึง รั้ง ปรับสีผิวให้ถุงกาแฟรอบดวงตาพอไปวัดไปวากับเขาได้บ้าง



บริษัทเครื่องสำอางค์ก็จับจุดถูก ถึงได้แห่แหนกันออกตลาดรอบดวงตาซึ่งบรรจุสารวิเศษมาแทบล้นตลาด การจะเลือกอายครีมแต่ละครั้งจึงทำให้คุณเหงื่อตกได้พอๆ กับการทำข้อสอบปริญญาเอก เจ้าจึงขอเป็นเข็มทิศนำทางเรื่องผิมรอบดวงตา เพื่อให้คุณได้ครีมที่ถูกใจ ถูกอาการ และแน่นอนถูกเงินด้วย

การดูแลเมื่อความดันสูง


ความดันโลหิตสูงนี้ หมายถึงแรงดันของกระแสเลือดที่กระทบต่อผนังหลอดเลือดแดง อันเกิดจากการสูงฉีดของหัวใจ ค่าที่วัดได้ 2 ค่า คือความดันช่วงบน (แรงดันขณะที่หัวใจบีบตัว) และความดันช่วงล่าง (แรงดันขณะหัวใจคลายตัว)




การวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งติดตามผลการรักษาที่แน่นอนคือ การตรวจวัดความดันโลหิต การสังเกตดูอาการอย่างเดียวมันไม่แน่นอน เนื่องจากโรคนี้ส่วนมากจะไม่แสดงอาการ คนทั่วไปจึงเข้าใจผิดว่าความดันสูงจะปวดหัวหากตอนไหนไม่ปวดคิดว่าความดันปกติจึงไม่ทานยาต่อเนื่องตามแพทย์บอก จริงๆแล้วความดันโลหิตสูงที่แสดงอาการปวดศรีษะนั้นเป็นเพียงส่วนน้อย และอาการปวดศัรษะส่วนใหญ่เกิดจากความเครียด

1. ตรวจวัดความดันเป็นระยะ




2.รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ โดยการลดน้ำหนักลง 10% สำหรับผุ้ที่มีน้ำหนักเกิน



3. งดอาหารเค็มหรือเกลือไม่ควรได้รับเกลือเกิน 6 กนับต่อวัน



4. รับประทานอาหารไขมันต่ำ



5. งดสูบบุหรี่

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวตลาดน้ำดอนหวาย




ในวันที่ท้องฟ้าครึ้มฝน ฉันคว้าเป้ใบโปรด รองเท้าคู่เขรอะ ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร สู่นครปฐม จังหวัดเล็กๆ ที่อยู่ใกล้บางกอกแค่เอื้อม จุดหมายแรกของวันอยู่ที่ ตลาดริมน้ำดอนหวาย หรือตลาดน้ำดอนหวาย ในความเข้าใจของหลายๆคน ทีแรกหวังไว้ว่าจะเป็นตลาดร่มรื่น มีสวนสวย ติดริมแม่น้ำ แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นตลาดริมน้ำ ที่ขายผัก ผลไม้ และอาหารนานาชนิด ถ้าเป็นแม่บ้านหรือนักกิน คงจับจ่ายจนเพลิดเพลินใจทีเดียว
เสน่ห์ของตลาดน้ำดอนหวาย นอกจากอาหารสะอาดสะอ้าน ของกินอร่อยถูกปากแล้ว ยังเป็นตลาดโบราณ ก่อสร้างด้วยอาคารไม้เก่าๆ ติดริมแม่น้ำท่าจีน น้ำใสสะอาด เห็นฝูงปลาแหวกว่ายกันสนุกสนาน เราเริ่มต้นเดินจากปากทางเข้า ตลอดสองข้างทางจะเห็นว่า มีร้านขายของจิปาถะทั่วไป อาทิ เครื่องจักรสาน ต้นไม้ ขนม ผักสด และผลไม้ ที่น่าสนใจคือ ผักสดจะแพ็คขายเป็นถุงๆ อย่างเรียบร้อย

เดินลึกเข้าไปภายในตลาดน้ำ ผู้คนเริ่มคึกคัก เดินเบียดเสียดกัน เพราะแถบนี้ขายขนม เช่น สาลี่ โมจิ ปุยฝ้าย ขนมตาลป้าไข่ ตะโก้ ขนมเบื้อง ลูกชุบ ทองม้วน ข้าวเหนียวแก้ว ขนมเปี๊ยะ บะจ่าง ช่อม่วง หรุ่มล่าเตียง ปั้นขลิบ และอื่นๆ ล้วนหน้าตาน่ารับประทานทั้งสิ้น ใกล้กันเป็นร้านอาหารคาว ที่ขึ้นชื่อเลยคือร้านเป็ดพะโล้นายหนับ ต้มเค็มปลาทู ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลากราย และขนมจีนน้ำยากะทิ

ลองชิมเป็ดพะโล้นายหนับ ถึงรู้ว่าแรกยังไม่ทานกลิ่นหอมเย้ายวน พอได้ทานรสชาติกลมกล่อมอร่อยที่สุด เพราะเป็ดพะโล้นายหนับ เปิดเป็นเจ้าแรกที่ตลาดน้ำดอนหวายแห่งนี้ นานถึง 30 กว่าปี ไม่ทันอิ่มท้อง มาต่อด้วยขนมจีนน้ำยาร้านข้างๆ ซึ่งไม่ธรรมดา ทั้งเส้นขนมจีนและผักสดที่นำมากินแกล้ม ขนมจีนสะอาดหมดจด รสชาติไม่ต้องพูดถึง
ระหว่างเพลินลิ้นกับขนมจีนอยู่นั้น มองดูนาฬิกาถึงกับตาเหลือก ต้องรีบจ้ำเท้าไปยังท่าเรือ เตรียมลงเรือล่องแม่น้ำท่าจีน ไม่ลืมซื้อขนมติดไม้ติดมือไปด้วย พนักงานเดินมาเช็คตั๋ว ก่อนปล่อยเรือออกท่า ไหลเลียบแม่น้ำท่าจีนอย่างสบายอารมณ์ เราทอดสายตามองทิวทัศน์รอบข้าง ชมธรรมชาติสองฟากแม่น้ำ หูฟังไกด์บรรยายวิถีของผู้คนกับสายน้ำ
“บ้านนี้ปลูกส้มโอหวาน บ้านนั้นเป็นโรงสีมีข้าวสารขาว ส่วนบ้านถัดไปตรงโน่นลูกสาวงาม” ไกด์เล่นคำพลางชี้ไปบ้านแต่ละหลัง ก่อนบอกว่าจะพาไปดูบ้านพี่เบิร์ด เราคิดว่าบ้านพี่เบิร์ดธงไชย ที่ไหนได้บ้านพี่เบิร์ดจริงๆ แต่เป็นบ้านที่เค้าแสดงในละครคู่กรรมนั่นเอง เรือยังคงเคลื่อนต่อไป ผ่านโรงเหล้าเก่า บ้านไม้โบราณหลายหลัง วัดท่าพูด จวบจนมาสิ้นสุดที่วัดไร่ขิง ซึ่งมีวังปลาขนาดใหญ่ ทั้งปลาสวายและปลาเทโพกว่าแสนตัว พากันว่ายน้ำแย่งชิงขนมปังกันจ้าละหวั่น จากนั้นเรือเลี้ยวกลับเส้นทางเดิม คราวนี้เมฆหมอกหนาครึ้ม ฝนค่อยๆ โปรย พัดพาเอาความหนาวเย็นชื้นสัมผัสกาย ไม่นานฝนหยุด เรือก็ถึงท่าตลาดน้ำดอนหวายพอดี
ไหนๆ มาแถวนี้ทั้งที ไม่ลืมแวะวัดไร่ขิง กราบสักการะขอพรหลวงพ่อวัดไร่ขิง ก่อนนั่งแท็กซี่ไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ซึ่งอยู่บนถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี) อำเภอนครชัยศรี ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีถึง ภายนอกพิพิธภัณฑ์กว้างขวาง และร่มรื่น เมื่อซื้อตั๋วและเดินเข้าภายใน รู้สึกได้ถึงความลึกลับและน่าขนลุก ไม่ใช่น่ากลัว แต่น่าตกใจ เพราะหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสแต่ละรูปเหมือนคนจริงๆ ทั้งหน้าตา รูปร่าง เส้นผม สายตา และท่าทาง ล้วนสื่ออารมณ์และความรู้สึกของคนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย เป็นอาคารไม้สองชั้น เราเริ่มเดินชั้นแรก ประกอบด้วย หุ่นสนใจในข่าว หุ่นเลขาน่ารัก หุ่นพระอริยสงฆ์ หุ่นชุดเหนื่อยนักพักก่อน หุ่นชุดหมากรุกไทย หุ่นพระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์พระบรมราชจักรีวงศ์ รัชกาลที่ 1 – 8 พระบรมรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และหุ่นชุดครอบครัวไทย

ขึ้นไปชั้นสอง พบกับหุ่น 3 ครูเพลงไทย ได้แก่ ครูจวงจันทน์ จันทร์คณา หรือ บรมครูพรานบูรพ์ ครูเอื้อ สุนทรสนาน หรือ สุนทราภรณ์ ครูไพบูลย์ บุตรขัน หรือราชานักแต่งเพลงลูกทุ่ง ถัดมาคือ หุ่น 3 บุคคลสำคัญของโลก คือ อับราฮัม ลินคอล์น ผู้ปลดปล่อยทาสของสหรัฐอเมริกา เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ และมหาตมะ คานธี บิดาแห่งประชาชาติอินเดีย ห้องต่อไป หุ่นชุดวัฒนธรรมประเพณีไทย เรื่องการละเล่นของไทย ใกล้กันหุ่นชุดวรรณคดีไทย เรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ ห้องสุดท้ายโชว์หุ่นชุดประวัติศาสตร์ไทย

หุ่นขี้ผึ้งเหล่านี้ไม่ใช่หุ่นธรรมดาๆ แต่กลับเป็นหุ่นที่ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย ให้คนรุ่นหลังได้ทราบ และสัมผัสลึกไปถึงผู้คน ความเป็นอยู่ ความคิด และตำนาน
ตลาดน้ำดอนหวาย เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น. ส่วนพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย เปิดเข้าชมทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 - 17.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 – 18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 10 บาท พระภิกษุ สามเณร แม่ชี นักบวช นักศึกษาในเครื่องแบบ 20 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 034 332 607 และ 034 332 109
การเดินทางสู่ตลาดน้ำดอนหวาย และวัดไร่ขิง ขับรถมาเอง จากสะพานปิ่นเกล้า มุ่งตรงไป ถนนปิ่นเกล้า - นครชัยศรี ผ่าน ถนนพุทธมณฑล สาย 1-2-3 เมื่อผ่านถนนพุทธมณฑลสาย 4 สังเกตป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายเข้าพุทธมณฑลสาย 5 ขับเข้ามายังถนนพุทธมณฑลสาย 5 ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จะเจอสี่แยกเลี้ยวขวา มุ่งตรงสู่วัดดอนหวาย
นั่งรถเมล์ – รถตู้ประจำทาง รถตู้ปรับอากาศ เมอรี่คิงส์ปิ่นเกล้า - วัดดอนหวาย - วัดไร่ขิง ใช้เวลาประมาณ 20 -40 นาที ถนนเพชรเกษม คุณสามารถใช้บริการ รถโดยสารปรับอากาศสาย ปอ 84 ลงตรงปากทางเข้าวัดไร่ขิง ต่อรถสองแถวประจำทาง เข้ามาวัดดอนหวาย หรือใช้บริการรถมอเตอร์ไซด์คิว
สถานีขนส่งสายใต้ คุณสามารถใช้บริการรถโดยสารที่จะไปยัง จังหวัด นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี

ตลาดน้ำวัดลำพญา


ตลาดน้ำวัดลำพญา เป็นตลาดที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนหน้าวัดลำพญา ไม่ไกลจากกรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้ว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ที่เหมาะสำหรับผูู้้ที่นิยมชมชื่นกับบรรยากาศบ้านสวนริมน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติ รวมทั้งปลานานาชนิดนับแสนตัวแหวกว่ายรอนักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสที่นี่ รับรองว่า...จะไม่ผิดหวัง เพราะตลอดเส้นทางเข้าสู่เขตอำเภอบางเลน เราจะได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในย่านนี้ได้เป็นอย่างดี สภาพภูมิประเทศมองจากสองฝั่งถนน เป็นทุ่งนา สวน ป่า ที่เรียงรายสลับกันไปบอกถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตรทำนา ทำไร่ และทำสวน พืช ผัก ผลไม้


พอเดินทางถึงตลาดน้ำวัดลำพญาความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่สัมผัสได้ นอกจากบรรยากาศของต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ความร่มเย็นแล้ว ยังมีรอยยิ้มของผู้คนที่เดินผ่านไปมา



วัดลำพญา ต้นกำเนิดตลาดน้ำแห่งนี้เป็นศาสนสถานที่เก่าแก่อยู่คู่ชุมชนชาวลำพญามากว่า 100 ปีนับตั้งแต่ พ.ศ. 2400 และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ก็คือ หลวงพ่อมงคลมาลานิมิต พระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลงพอกปูนและปิดทองทับไว้อย่างสวยงาม ซึ่งเป็นที่สักการบูชาและเคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงตลาดน้ำแห่งนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนอื่นใดคือ เข้าไปกราบมนัสการหลวงพ่อในโบสถ์ ทำบุญให้สบายอกสบายใจ แล้วค่อยออกมาเดินชมความร่มรื่นภายในบริเวณวัดที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ รวมถึงพันธุ์ไม้สมุนไพรหลากหลาย



บริเวณหน้าวัดเป็นตลาดน้ำมีชาวบ้านนำผลผลิตทางเการเกษตรใส่เรือมาขาย มีทั้งพืช ผัก ผลไม้และปลาสดๆ ปราศจากสารพิษจำหน่ายในราคายุติธรรม โดยอยู่ในเกณฑ์ที่ว่า "ห้ามนำสิ่งมีชีวิตมาขาย ห้ามจำหน่ายสิ่งมึนเมา เครื่องเล่นที่เป็นพลาสติก เสื้อผ้า ของสำเร็จรูป หรืออาหารสำเร็จรูปจากที่อื่น" เพราะสถานที่แห่งนี้สงวนไว้สำหรับของสดๆ จากลำพญาเท่านั้น



หลังจากเดินเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆ จนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาที่ท้องเริ่มหิวทีนี้เป็นเรื่องของการกินบ้างละ อาหารคาว หวานสูตรโบราณได้ทุกแพต่างๆ มีให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอยู่ถึง 15 แพตลอดแนวโค้งน้ำมีระทางยาวกว่า 270 เมตร แต่ละแพจะมีเรือแจวขนาดเล็กนำอาหารคาว หวาน พืช ผัก ผลไม้ประจำท้องถิ่น พายมาเสนอขายให้นักท่องเที่ยวกว่าเลือกซื้อหารับประทานได้ตามอัธยาศัย ในราคาไม่แพง เราจะได้เห็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวบ้านริมน้ำ ที่ใช้เรือยนต์และเรือพายในการสัญจร ไปมาตามแนวลุ่มน้ำท่าจีน



อาหารที่ขายก็มีหลากหลาย เช่น ข้าวหมกไก่, เป็ดพะโล้, ขนมจีน,หมูสะเต๊ะ, ทอดมัน, เป็ดพะโล้สมชัย ริมทางหลวงหมายเลข 346 ปากทางเข้าวัดเวฬุวัน ส่วนของฝากก็มีหลายอย่าง เช่น ขนมเปี๊ยะครูสมทรง, ขนมไทยคุณเด่ง, ห่อหมกปลาช่อน, ผลไม้และมะม่วงเขียวเสวยลำพญา



ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาเยือนที่นี่เป็นครอบครัว คุณแม่อาจจะช้อปปิ้ง ชิมอาหารขึ้นชื่อ เช่น ห่อหมกปลาช่อนในเนื้อมะพร้าว ข้าวหมูแดง กระเพาะปลา หมูสะเต๊ะรสดั้งเดิม มะม่วงเขียวเสวยลำพญา ตลอดจนสินค้าพื้นบ้าน ส่วนคุณพ่อและลูกๆ อาจจะไปล่องเรือชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำ



ผู้ที่สนใจล่องเรือ มีบริการเรือยนต์ลากแพล่องเแม่น้ำท่าจีนไปยังวัดสุขวัฒนาราม ค่าบริการนั่งเรือแพคนละ 50 บาท หรือจะนั่งเรือแจวแบบได้บรรยากาศแม่น้ำ ค่าเรือคนละ 25 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมาก โปรแกรมนี้พาไปนมัสการศาลเจ้าอาม่า ศาลศักดิ์สิทธิ์ประจำตำบลลำพญาพร้อมชมธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำที่มีพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและใกล้สูญพันธ์ เช่น สะตือ แทงหวาย



เรือยนต์ลากแพจากตลาดน้ำลำพญาล่องไปตามสายน้ำ ผ่านโรงสีข้างร้างเก่าแก่ที่คงไว้ไม่รื้อถอนแม้จะอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม ถัดมาอีกประมาณ 100 เมตร เป็นที่ตั้งของบ้านกำนันตำบลลำพญา ตกแต่งบ้านด้วยวัสดุและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ความสำนึกรักษ์ธรรมชาติเกิดเรื่องราวให้ได้เล่าถึงยามล่องตามลำน้ำสายนี้



ความร่มรื่นของลำพญาชวนให้หลงใหล เมื่อเรือผ่านสถานที่ต่างๆ ทำให้อดนึกถึงคนสมัยก่อนที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำ และตกทอดมาถึงรุ่นปัจจุบัน ไม่ว่าที่ใดผู้คนยังนิยมปลูกสร้างบ้านเรือนริมน้ำคง เพราะให้ความรู้สึกสดชื่นและบรรยากาศแสนโรแมนติก ยามได้นั่งชมแสงสีทองของอาทิตย์ยามเย็นที่งามจับตา



จวนพลบค่ำเรือวกกลับถ้ามีเวลาพอบริเวณใกล้เคียงตลาดน้ำลำพญา จะมีชุมชนบ้านบางภาษี ที่ปัจจุบันมีการทำหัตถกรรมจากผักตบชวานำมาประดิษฐ์สานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ นอกจากนี้มีสินค้าจากโรงงานกระถางให้เลือกซื้อ หรือชมบ้านทรงไทยดำ อนุสรณ์สถานกรมหลวงนครชัยศรีสุรเดช และวัดบางพระซึ่งเป็นที่จำพรรษาของหลวงพ่อเปิ่น เกจิอาจารย์ชื่อดังองค์หนึ่งของประเทศไทย



ชาวบ้านเล่าว่าหากมาล่องเรือที่ตลาดน้ำวัดลำพญาในช่วงหน้าหนาว จะมีโอกาสได้เห็นนกปากห่างนับพันตัวลงมาจับหอยกินเป็นอาหาร เป็นภาพชีวิตที่เสกสรรค์โดยธรรมชาติ



รายละเอียดเกี่ยวกับตลาดน้ำวัดลำพญา



ที่ตั้ง : ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนหน้าวัดลำพญา ตำบลลำพญา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม

เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00-15.00 น.

จุดลงเรือ : หน้าวัดลำพญา ค่าเรือแพคนละ 50 บาท ค่าเรือแจวคนละ 25 บาท ให้บริการเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ ติดต่อเรือที่หน้าวัด



การเดินทาง : การเดินทางสู่ตลาดน้ำวัดลำพญาสามารถใช้ได้หลายเส้นทางคือ

รถยนต์ส่วนตัว

จากกรุงเทพฯ

วิ่งออกไปทางอำเภอบางใหญ่ (ถนนสายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี) ผ่านสามแยกไทรน้อย เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนปทุมธานี-บางเลน มุ่งตรงเข้าอำเภอบางเลนอีกประมาณ 10 กิโลเมตรก็จะถึงจุดหมาย



ใช้เส้นทางสายบางบัวทอง ขับตรงไปประมาณ 10 กิโลเมตร ให้สังเกตป้ายเข้าสู่อำเภอบางเลนด้านซ้ายมือ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร จะพบทางแยกซ้ายมืออีกครั้ง (ก่อนข้ามสะพานแม่น้ำท่าจีน) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 9 กิโลเมตร ก็จะพบวัดลำพญาอยู่ทางขวามือ



วิ่งจากถนนสายปิ่นเกล้า-นครชัยศรี มุ่งตรงสู่จังหวัดนครปฐมพอถึงพุทธมณฑลสาย 4 บริเวณสะพานลอยเข้าสู่ศาลายา เลี้ยวขวาขึ้นสะพาน และขับตรงไปผ่านมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าที่ว่าการอำเภอพุทธมณฑล ถึงสถานีตำรวจพุทธมณฑลแล้วให้เลี้ยวขวา ขับรถตรงไปอีกประมาณ 24 กิโลเมตร ก็จะพบวัดลำพญา อยู่ทางซ้ายมือ



จากถนนศาลายา-นครชัยศรี เลี้ยวขวาเข้าถนนศาลายา-บางภาษี ถึงกม. 21 ให้เลี้ยวขวาตรงไปถึงกม. 23 จะพบทางเข้าวัดลำพญา



จากจังหวัดนครปฐม

ใช้เส้นทางถนนสายเพชรเกษมที่จะมุ่งสู่สำนักงานเขตหนองแขมเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยมหิดล ทางเลี้ยวซ้ายผ่านที่ว่าการอำเภอพุทธมณฑลไปอีก 25 กิโลเมตรก็จะถึงจุดมุ่งหมาย



รถโดยสารประจำทาง สายกรุงเทพฯ-นครปฐม โดยให้มาลงที่ตัวตลาด แล้วจากนั้นให้นั่งรถสองแถว สายนครปฐม-ลำพญา ให้ลงที่หน้าวัดลำพญา หรือจะขึ้นที่ตลาดตัวเมืองนครปฐม สายลำพญา-ทุ่งน้อย มาลงที่หน้าวัดลำพญาโดยตรง



รถตู้ สายพาต้า-บางเลน ซึ่งจะจอดให้บริการอยู่หน้าภัตตาคารกุ้งหลวง สาขาปิ่นเกล้าได้ตั้งแต่เวลา 6.30 -19.00 น.ซึ่งให้บริการทุก 30 นาทีราคาค่าโดยสาร 40 บาทตลอดสาย

จังหวัดบึงกาฬ


จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดที่มีการร้องขอให้จัดตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2537แต่ไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาในขณะนั้น และได้มีการนำสู่กระบวนการพิจารณาอีกครั้ง โดยผ่านมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยจะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติการจัดตั้งจึงจะมีผลโดยสมบูรณ์




การร้องขอจัดตั้งถูกขอตามข้อเสนอของนายสุเมธ พรมพันห่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีธรรม จังหวัดหนองคาย โดยแยกพื้นที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจังหวัดหนองคาย



จังหวัดบึงกาฬที่เสนอให้จัดตั้งมีพื้นที่ทั้งหมด 4,305 ตร.กม.  จากการสำรวจความเห็นของประชาชนจังหวัดหนองคาย ปรากฏว่าประชาชนเห็นด้วยกับการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ ร้อยละ 98.83 หากมีการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ จะมีประชากรประมาณ 390,000 คน ประกอบด้วย 8 อำเภอ

วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อันตรายจากคอนแทคเลนส์แฟชั่น


คอนแทคเลนส์ หรือ เลนส์สัมผัส จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อปรับสายตา แต่ในปัจจุบันได้มีการนำเอาคอนแทคเลนส์มาใช้สวมใส่เพื่อความสวยงาม ซึ่งมีทั้งแบบที่ทำให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น และแบบที่ช่วยเปลี่ยนสีตาเป็นสีต่าง ๆ ได้ กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี ปัจจุบันคอนแทคเลนส์แฟชั่นไม่ได้มีวางจำหน่ายแต่เฉพาะในร้านแว่นตา หรือคลินิกจักษุแพทย์เท่านั้น แต่ยังมีวางขายตามแผงค้าตามแหล่งแฟชั่น รวมไปถึงการวางจำหน่ายในเว็บไซต์ ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อคอนแทคเลนส์แฟชั่นมาสวมใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ไม่ว่าจะใช้คอนแทคเลนส์เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เลนส์ที่ใช้จะต้องสัมผัสกับผิวของดวงตาที่บอบบาง การติดเชื้อหรือฉีกขาดอาจเกิดได้ง่าย จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ การใช้คอนแทคเลนส์หากใช้ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ และอาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ เหมือนกับข่าวเมื่อปลายปี 49 ที่ผ่านมา ที่มีชายชาวนิวซีแลนด์ที่ตาบจากการสวมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อความสนุกสนานในงานปาร์ตี้ จนเกิดการติดเชื้อหลังสวมใส่คอนแทคเลนส์นาน 3 วัน ทั้งนี้การใส่คอนแทคเลนส์จะต้องได้รับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยทัศนมาตรศาสตร์ โดยผู้สวมใส่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ หรือนักทัศนมาตรศาสตร์ หรือคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้จัดทำมาตรการกำกับดูแลคอนแทคเลนส์ทุกประเภทให้เข้มงวดมากขึ้น โดยได้จัดทำร่างประกาศกำหนดให้คอนแทคเลนส์ทุกประเภท เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า จะต้องแจ้งรายละเอียดต่ออย.ก่อนผลิตหรือนำเข้า อีกทั้งกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ผลิตหรือนำเข้าต้องจำหน่ายคอนแทคเลนส์ให้กับสถานที่ที่กำหนดเท่านั้น เช่น สถานพยาบาล ผู้บริโภคไม่ควรซื้อคอนแทคเลนส์ที่จำหน่ายตามแผงลอย เพราะอาจเป็นอันตรายถึงตาบอดได้ นอกจากนี้ อย. ยังได้กำหนดให้ฉลากของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะต้องมีคำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังต่าง ๆ บนฉลากอย่างชัดเจน นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ประชาชนควรระมัดระวังการใช้คอนแทคเลนส์ทุกชนิด โดยไม่ควรซื้อมาใช้เอง และซื้อจากร้านที่เป็นแผงลอย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และหากมีภาวะผิดปกติ เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม ตาแดง กระจกตาไต่อความรู้สึกลดลง ตาแห้ง กะพริบตาไม่เต็มที่ ก็ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์ สิ่งที่สำคัญที่ต้องระลึกถึงอยู่เสมอคือเรื่องสุขลักษณะ ต้องล้างมือให้สะอาดและทำให้แห้งก่อนสัมผัสเลนส์ การสวมและการเปลี่ยนเลนส์ก็ให้เป็นไปตามระยะที่กำหนด การล้างและการเก็บรักษาเลนส์ก็ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนภาชนะที่เก็บเลนส์ก็ต้องรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ ห้ามใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับบุคคลอื่น ห้ามใส่ขณะว่ายน้ำเพราะอาจทำให้ติดเชื้อที่ตา และห้ามใส่เวลานอน ถึงแม้ว่าจะเป็นชนิดใส่นอนได้ก็ตาม และต้องถอดทำความสะอาดทุกวัน หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหรือปวดตาเป็นอย่างมาก ร่วมกับอาการแพ้แสง ตามัวลง น้ำตาไหลมาก ตาแดง ให้หยุดใช้คอนแทคเลนส์ทันที และให้รีบไปพบแพทย์หรือจักษุแพทย์โดยเร็ว

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส



นอกเรื่องการเมืองไทยไปต่างประเทศซักหน่อยนะคะ เพราะปอเองก็คิดว่าจะเลือกเรียนเอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่เหมือนกัน(เลือกปี3แหนะ)ในที่สุดผลก็ออกมาเป็นเอกฉันท์แล้วว่า ใครเป็นผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของฝรั่งเศส ปอรอลุ้นจนกระทั้งผลออก เวลาประเทศไทยคือ1.00น. และยังคงหาข่าวอื่นๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยผู้ได้รับตำแหน่งคือ นายนิโคลาส์ ซาร์โคซี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีคะแนนเฉือดเฉือนกับนางเซเกอลีน โรยาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม โดยมีผลออกมาว่านายซาร์โคซี มีคะแนนเสียง 53% ขณะที่นางโรยาล ได้คะแนนเสียง 47% โดยคาดว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวฝรั่งเศสออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งถึง 44.5 ล้านคนหรือ 88.5%


ผลของการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ โดยที่นางเซเกอลีน ยอมรับผลการเลือกตั้ง และจะคงทำหน้าที่ โดยยึดหลักสังคมนิยมต่อไป การเลือกตั้งของฝรั่งเศสนั้น นอกจากจะเป็นระบบกึ่งประธานธิบดีแล้ว สิ่งที่แตกต่างจากประเทศไทยก็คือ... วาระในการดำรงตำแหน่ง ซึ่งประธานาธิบดีของฝรั่งเศส สามารถดำรงวาระได้คราวละ 5 ปี และยังสามารถเป็นได้อีกกี่วาระ กี่สมัยก็ได้(สุดยอด...) ซึ่งต่างจากประเทศไทย ที่ผ่านๆมา นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งได้คราวละ4 ปี และมีแนวโน้มในอนาคตว่า คนละไม่เกิน 2 สมัย จากข่าวนี้ขอโอกาสใช้พื้นที่ตรงนี้ เขียนถึงระบบการเลือกตั้งและการปกครองของฝรั่งเศสค่ะ

แม่แบบของการปกครองแบบกึ่งประธานาธิบดีคือฝรั่งเศส และมีการกำหนดให้ประธานาธิบดีมีอำนาจเทียบเท่ากับฝ่ายนิติบัญญัติ(รัฐสภา) ซึ่งเป็นระบบที่มีนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วย แต่นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสไม่มีบทบาทเหมือนระบบรัฐสภา โดยอำนาจหน้าที่ของประธานาธิบดีมีดังนี้ค่ะ

1.เป็นผู้รักษากฏหมายให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้

2.เป็นผู้นำทางการเมืองที่สูงที่สุด อยู่เหนือข้าราชการ ทหาร และตุลาการ เพราะเลือกตั้งมาจากประชาชน และไม่มีอำนาจใดๆที่สามารถให้ออกจากตำแหน่งได้

3.เสนอชื่อ แต่งตั้ง และถอดถอน ให้ความเห็นชอบในรายชื่อคณะรัฐมนตรี พูดง่ายๆการคัดเลือกนายกต้องเป็นไปตามความเห็นชอบของประธานาธิบดีค่ะ แต่ก็ต้องฟังเสียงจากพรรคการเมือง

4.ขอเสนอประชามติของประชาชน *นายก และครม.รับผิดชอบต่อประธานาธิบดีและรัฐสภาโดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

5.มีอำนาจในการเสนอยุบสภาผู้แทนราษฎร

6.มีอำนาจด้านการต่างประเทศ

นี่เป็นหน้าที่ต่างๆของประธาธิบดีแบบคร่าวๆพอเข้าใจค่ะ สำหรับหน้าที่อื่นๆของบุคคลอื่นๆในระบบนี้สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ค่ะ ปอเกรงว่า จะเบื่อกันซะก่อน

----------------------------------------------------------------------------------------

ก็หวังว่า ฝรั่งเศสจะมีการพัฒนาในทุกๆด้านที่ดีขึ้นไปจากเดิม มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีเพราะได้ผู้นำที่ทุกคนยอมรับ

ที่เหลือพวกเราก็คงต้องตามดูสถานการณ์บ้านเมืองกันต่อไป.........

(ขออภัยสำหรับข้อมูลครั้งที่แล้วนะคะ เพราะจากที่เพิ่งเรียนมาเป็น7ปี และไม่ทราบว่าปรับไปเป็น 5 แล้ว สำหรับการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี พอดีไม่ค่อยสันทัดเรื่องต่างประเทศค่ะ สำหรับชื่อนั้นนำมาจากข่าวค่ะ ขอคงไว้)

ทำไมชาวมุสลิม มีภรรยาได้ 4 คน

คนทั่วไปมักจะรู้จักมุสลิมเพียงสองประการ คือ มุสลิมไม่กินหมู และมุสลิมมีภรรยาได้หลายคนว่าที่จริงการมีภรรยาหลายคนเป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ บทบัญญัติของศาสนาส่วนใหญ่ในโลกก็ไม่ได้ห้ามการมีภรรยาหลายคน


ศาสนาอิสลามนั้นอนุญาตให้ชายมีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน ภายใต้ข้อแม้ว่าจะต้องสามารถให้ความยุติแก่ผู้หญิงทั้งสี่ได้ ความยุติธรรมในที่นี้ได้แก่ความเท่าเทียมกันในด้านการจ่ายค่าครองชีพ (ค่าอาหาร เครื่องแต่งกาย และที่อยู่อาศัย) ไม่ก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนแก่จิตใจของภรรยาคนใดคนหนึ่งต่อหน้าภรรยาคนอื่น ๆ และสามีต้องค้างคืนกับภรรยาแต่ละคนให้เท่า ๆ กัน

เหตุที่ศาสนาอิสลามอนุญาตไว้เช่นนี้ เพราะอิสลามส่งเสริมให้มีลูกมาก ๆ เพื่อจำนวนมุสลิมจะได้มีมากขึ้น อิสลามคำนึงถึงความจำเป็นของชายที่ปรารถนาจะสืบต่อวงศ์ตระกูล แต่ภรรยาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้เพราะเป็นหมันหรือป่วย อีกทั้งชายบางคนก็มีความต้องการทางเพศสูง การอนุญาตให้เขามีภรรยาเพิ่มขึ้น (โดยที่เขาต้องเลี้ยงดูผู้หญิงใหม่ได้อย่างยุติธรรมดังกล่าวมาแล้ว) จึงย่อมดีกว่าปล่อยให้เขาไปหาทางออกทางอื่นที่เป็นบาป และอิสลามคำนึงว่าในโลกนี้มีพลโลกหญิงมากกว่าชาย ทำให้หญิงจำนวนมากต้องครองตัวเป็นโสด หากอนุมัติให้เธอแต่งงานกับชายที่มีภรรยาแล้ว ซึ่งสามารถให้ความสุขและความยุติธรรมแก่เธอได้ ย่อมเป็นการดีกว่า

อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้มีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน เป็นข้อยกเว้นที่เปิดโอกาสให้กระทำได้ แต่มิได้หมายความว่าศาสนาอิสลามจะส่งเสริมให้ชายทุกคนมีภรรยาหลายคน และในหมู่ชาวมุสลิม ชายที่มีภรรยาหลายคนเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วก็นับว่าน้อยมาก ในอียิปต์กฎหมายอนุญาตให้มีภรรยาได้ไม่เกินสี่คน แต่ปรากฏว่าผู้ที่มีภรรยามากกว่าหนึ่งคนมีเพียง ๒.๗๕ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ความหมายของ o.k.

คนส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่ไม่รู้จักคำว่า O.K. เรามักจะได้ยินคนพูดกันติดปาก ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ไม่ว่าวัยใดก็ตาม แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า.. คำคำนี้มีที่มาอย่างไร ?


คำว่า O.K. มาจากคำเต็มว่า Oll Korrect ซึ่งที่ถูกต้องคือ All Correct ( แปลว่า ถูกต้อง ) มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจจาก พ่อค้าชาวอเมริกันคนหนึ่ง มีฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงานสูง แต่การศึกษาน้อย ทุกครั้งที่เขาสั่งงานลงในใบสั่ง ถ้างานชิ้นใดถูกต้อง ตกลง และอนุมัติ เขาจะ เขียนคำว่า Oll Korrect ลงในใบสั่งใบนั้นเสมอๆ ต่อมากิจการของพ่อค้าคนนี้ มีความเจริญก้าวหน้ามาก งานที่ติดต่อมาก็มีมากขึ้น ใบสั่งงานก็มีมากมายล้นโต๊ะ การที่เขาจะต้องเขียนคำ Oll Korrect ลงในใบสั่งทุกใบทำให้ต้องใช้เวลามาก เขาจึงย่อเหลือเพียงสั้นๆ คำ O.K. ซึ่งมีผล และความหมายเหมือนกัน คำว่า "อนุมัติ" นั่นเอง และก็เลยมีการใช้กัน อย่างแพร่หลาย ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน มากันจนปัจจุบันทั่วโลกทีเดียว.

นิสัย 10 อย่างที่ทำให้สมองพัง

1. ไม่ทานอาหารเช้า




หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม



2. กินอาหารมากเกินไป



การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น (เช่น เทพธิดาดิว เป็นต้น)



3. การสูบบุหรี่



เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์



4. ทานของหวานมากเกินไป



การกินของหวานมาก จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง



5. มลภาวะ



สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง



6. การอดนอน



การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนการอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้



7. นอนคลุมโปง



การนอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง



8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย



การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว



9. ขาดการใช้ความคิด



การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ



10. เป็นคนไม่ค่อยพูด



ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง

รักษาดวงตาเมื่อต้องอยู่หน้าคอม

1. หมั่นกระพริบตาให้บ่อยขึ้น




อาการตาแห้งเกิดจากเมื่อเรามีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบตาจะลดลงจาก 20-22ครั้ง ต่อนาที เหลือเพียง 6-8 ครั้ง ต่อนาที ถ้าไม่อยากตาแห้ง ก็ต้องกระพริบตาบ่อยขึ้น







2. จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม



ปรับความสูงของจอให้เหมาะสม โดยระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเรา ควรอยู่ระหว่าง 20-28 นิ้ว หรือประมาณ 1 ช่วงแขน จุดศูนย์กลางของคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4-9 นิ้ว ไม่ควรอยู่สูงหรือต่ำกว่านี้มากนัก และควรจะตั้งตรงหน้า ตำแหน่งการวางคอมพิวเตอร์ควรจะให้หน้าต่างอยู่ด้านข้างของโต๊ะ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงตกสะท้อนหน้าจอ







3. ปรับตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้น .







4. เลือกแว่นที่ใช้กับคอมพิวเตอร์



ควรใช้เลนส์สีชมพูอ่อน จะช่วยให้สบายตาขึ้นภายใต้แสงจากหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนต์ สำหรับคนที่ใส่แว่นควรปรึกษาจักษุแพทย์











5. เบรกซะบ้าง ทุกๆชั่วโมง



ควรลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายสัก 10 นาที เพื่อพักสายตา และป้องกันไม่ให้เกิดความเมื่อยล้า







6. เปลี่ยนจอใหม่



เลือกใช้จอชนิดLCD ( จอแบน) แม้ราคาจะแพงกว่าจอธรรมดา (CRT) แต่ช่วยถนอมตาได้มาก

เครื่องดื่มตาม กรุ๊ปเลือด

เคยนำเสนอเคล็ดลับสุขภาพกับอาหารตามกรุ๊ปเลือดไปแล้ว มาวันนี้ลองเมนูเครื่องดื่มตามกรุ๊ปเลือดกันดูบ้าง




คนเลือดกรุ๊ปโอ



ส่วนมากจะมีกรดในกระเพาะอาหารสูง สามารถย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ควรกินอาหารจำพวกแป้งมากเกินไป เพราะจะย่อยยาก เสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคอ้วน เครื่องดื่มที่เหมาะกับเลือดกรุ๊ปโอคือ น้ำสับปะรด น้ำลูกพรุน แต่ไม่ควรดื่มน้ำแอปเปิล น้ำส้ม น้ำกะหล่ำปลี



เลือดกรุ๊ปเอ



เรียกว่าตรงข้ามกับกรุ๊ปโอ แทบจะทุกอย่าง เพราะเลือดกรุ๊ปนี้จะมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ จึงเหมาะกับอาหารมังสวิรัติและควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ หากต้องการกินเนื้อจริงๆ ควรบริโภคแค่เนื้อไก่เพราะไม่มีไขมันมาก ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกอาหารสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เพราะอาหารจำพวกนี้มีสารดินประสิวที่ไปกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร



เครื่องดื่มที่เหมาะสมกับคนเลือดกรุ๊ปเอก็คือ น้ำแอปพริคอต น้ำแคร์รอต น้ำเซเลอรี น้ำเกรปฟรุต น้ำสับปะรด น้ำมะนาว เพราะมี วิตามินซีสูง แต่ไม่ควรดื่มน้ำส้ม น้ำมะละกอ และน้ำมะเขือเทศ



เลือดกรุ๊ปบี



เป็นกรุ๊ปเลือดที่สามารถต้านทานโรคมะเร็งและโรคหัวใจได้ แต่ยังมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงควรกินอาหารจำพวกผักใบเขียว ตับ ไข่ นมไขมันต่ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญ น้ำกะหล่ำปลี น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำองุ่น น้ำมะละกอ น้ำสับปะรด เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะ แต่ให้ระวังการดื่มน้ำมะเขือเทศ



เลือดกรุ๊ปเอบี



คนเลือดกรุ๊ปนี้ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร จึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี เช่น บร็อกโคลี่ เชอร์รี่ ส้มโอ เกรปฟรุต กะหล่ำปลี และ ดื่มน้ำแคร์รอต น้ำเซเลอรี น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำองุ่น และน้ำมะละกอ เพราะช่วยต้านมะเร็งได้ แต่ไม่ควรดื่มน้ำส้มเพราะทำให้ย่อยยาก

ดื่มโกโก้วันละแก้วสุขภาพดี

บีบีซีนิวส์ - ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่านอกจาก ชา หรือไวน์แดง ที่รู้กันดีว่ามีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคได้หลายโรค รวมถึงยังป้องกันผลกระทบจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยังมีอาหารอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ "โกโก้" ที่มีคุณสมบัติมากกว่าเครื่องดื่มเสริมสุขภาพที่ว่ามาเสียอีก




นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาศึกษาพบว่า โกโก้ร้อน 1 ถ้วยนั้นอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ชา หรือ ไวน์แดง



ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาหลายชิ้นได้เน้นถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างสุขภาพทีพบใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ โดยมีงานวิจัยในจีน ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วพบว่า คนที่ดื่มน้ำชาเป็นประจำนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกว่าครึ่งหนึ่ง



ปีที่แล้ว นักวิจัยในฝรั่งเศสรายงานว่า ดื่มไวน์แดงวันละแก้ว อาจช่วยลดโอกาสความเสี่ยงของโรคหัวใจ และในปี 1998 ได้มีการศึกษากับคนอเมริกันกว่า 8,000 คนพบว่าช็อกโกแลต ซึ่งผลิตมาจากโกโก้ นั้นอาจช่วยให้อายุยืนขึ้น เนื่องจากอุดมไปด้วย โพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยกวาดล้างของเสียที่ผลิตจากร่างกาย โดยของเสียเหล่านั้นมีส่วนทำลายเซลล์ และก่อให้เกิดมะเร็งได้



ในการศึกษาล่าสุดนี้ ดร. ชาง ยง ลี และคณะ จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ในนิวยอร์ก ได้ทำการทดสอบโดยวัดระดับสารต่อต้านอนุมูลอิสระใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ พบว่าโกโก้ถ้วยหนึ่งนั้นมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากที่สุด โดยมีมากกว่า ไวน์แดง 1 แก้วถึง 2 เท่า มากกว่าชาเขียว 1 ถ้วยถึง 3 เท่า และมากกว่าชาดำถึง 5 เท่าเลยทีเดียว



แม้ว่าโกโก้จะถูกนำไปทำเป็นอาหารหลายอย่างรวมทั้ง ช็อกโกแลต แต่นักวิจัยเผยว่าทางที่ดีที่สุดที่จะได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างเต็มที่ ก็คือการดื่มโกโก้ โดยตรง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในช็อกโกแลต 1 แท่งอุดมไปด้วยไขมัน โดยช็อกโกแลตแท่ง ขนาด 40 กรัมนั้นมีไขมันมากถึง 8 กรัม ขณะที่โกโก้ร้อน 1 ถ้วยมีไขมันเพียงแค่ประมาณ 0.3 กรัมเท่านั้น

น้ำแข็งแก้ปวด

โปรดฟังทางนี้ค่ะ "น้ำแข็ง" ก็ใช้บรรเทาโรคต่างๆ ได้เช่นกัน ทั้งใช้ง่าย ปลอดภัย ประหยัด เพราะหาได้จากช่องแช่แข็งในตู้เย็นของบ้านคุณเอง




คุณสมบัติพื้นฐานของน้ำแข็งก็คือความเย็นที่ช่วยลดความปวดบวมอักเสบได้ ซึ่งหัวใจหลักของการบำบัดแบบนี้คือ การประคบบริเวณที่ปวดบวมหรือบาดเจ็บทันที เพื่อช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการลดการทำลายของเนื้อเยื่อก่อนที่อาการเจ็บปวดจะรุนแรงขึ้น โดยนำผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งประคบตรงบริเวณที่มีอาการต่างๆ ดังนี้



ปวดหลัง



อาการนี้เป็นปัญหาส่วนใหญ่ของผู้หญิงจากการทำงานบ้านหรือทำสวน ความเย็นช่วยลดความปวดได้ โดยให้ประคบน้ำแข็งทันทีหลังจากทำงานที่ต้องก้มๆ เงยๆ หรือยกของหนักๆ มา



ปวดไมเกรน



คุณผู้หญิงเกือบทุกคนมักจะประสบกับการปวดหัวตุบๆ โดยเฉพาะช่วงมีรอบเดือน ซึ่งผู้ที่เคยใช้วิธีนี้รับรองว่าสามารถลดอาการปวดได้จริง โดยนอนราบบนพื้นประมาณ 5-10 นาที และประคบผ้าห่อน้ำแข็งบริเวณด้านหลังลำคอ หน้าผาก หรือขมับ ความเย็นจะช่วยลดอาการบวมและอาการมึนลงได้ ทั้งยังลดผลข้างเคียงอื่นๆ จากไมเกรนโดยที่ไม่ต้องกินยาอีกด้วย



ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ เคล็ด ตึง



นักกรีฑาจำนวนไม่น้อยเลือกใช้น้ำแข็งป้องกันอาการที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้หลังจากออกกำลัง ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า น้ำแข็งทำให้รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ตึงเครียด เพราะช่วยลดการขยายตัวของหลอดเลือด

5 เรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

การใช้แปรงสีฟันร่วมกัน


สิ่งที่คุณคิด : ใช้แปรงสีฟันด้ามเดียวกับแฟน ดูโรแมนติกดีจัง

สิ่งที่ถูกต้อง : แบคทีเรียในช่องปากนั้นสะสมอยู่มากมายในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกัน

อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย

หากวันใดเพื่อนหรือแฟนไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน

เพราะน้ำยาบ้วนปากจะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย



...ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ

สิ่งที่คุณคิด : หลังเข้าห้องน้ำแล้วควรล้างมือทุกครั้ง แล้วตบท้ายด้วยการเป่ามือให้แห้ง เพื่อฆ่าเชื้อโรคให้หมดไป

สิ่งที่ถูกต้อง : ขอร้องเลยว่า อย่าทำให้มือแห้งด้วยเครื่องเป่ามือตามที่สาธารณะทั่วไป

เพราะท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่

ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอน

ก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้นควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้งเดียวเท่านั้น



...การนั่งบนชักโครกสาธารณะ

สิ่งที่คุณคิด : ดูแล้วฝารองนั่งก็สะอาดดี นั่งไปเลยก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก

สิ่งที่ถูกต้อง : เวลาสาวๆนั่งปัสสาวะหรือถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะ

หรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก

จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้นก่อนเข้าห้องน้ำสาธารณะทุกครั้ง เช็ดให้สะอาด

ด้วยกระดาษชำระชุบน้ำ แล้วตามด้วยกระดาษชำระที่แห้งวางทับบนโถรองนั่ง ก่อนปลดทุกข์

ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ได้ผลแน่นอน



...การกลั้นจาม

สิ่งที่คุณคิด : ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยก็แค่กลั้นจามเท่านั้น ก็การจามดังๆ ดูไม่มีมารยาท แถมยังอาจถูกมองว่าทำตัวสกปรกอีกด้วย

สิ่งที่ถูกต้อง : คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กม./ชม.ทีเดียว

ดังนั้นการยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้



...กินยาแก้ปวดทุกครั้งที่ปวดศีรษะ

สิ่งที่คุณคิด : ก็ปวดหัวนี่นา ถ้าไม่กินยาแก้ปวด แล้วจะหายปวดหัวได้อย่างไร

สิ่งที่ถูกต้อง : การรับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสม

และอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้

หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว

หรือถ้าปวดศีรษะเนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที

ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อยเพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว

สมาธิสั้น-ไฮเปอร์

กลุ่มอาการเด็กสมาธิสั้น Attention Deficit Hyperactivity Disordes (ADHD)


โดย น.พ. จอม ชุ่มช่วย ร.พ. ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์



กลุ่มอาการสมาธิสั้น เกิดจากความผิดปกติของสมอง โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนว่า

อะไรที่ทำให้สมองมีความผิดปกติ แต่จากวิทยาการและวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมีผลพอ

พิสูจน์ได้ว่าน่าจะเป็นผลมาจากพันธุกรรม แต่ว่าพันธุกรรมจะมีส่วนอย่างใดและมีการถ่าย

ทอดอย่างไร ยังไมีมีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่มีผลต่อสมองทำให้การทำงานของสมองบาง

ส่วนเกิดการบกพร่อง โดยเฉพาะสมองส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสมาธิของคนเรา ทำให้เกิด

การทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันต่อระบบสั่งงานอื่นๆ อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ในอดีตมีชื่อเรียกเกี่ยวกับกลุ่มอาการเหล่านี้ได้ในหลายชื่อเช่น

Hyper Kinetic Disorders / Minimal Brain Abnormality / Minimal Brain Disfunction



แต่จากการศึกษาในปัจจุบันเรารวมเรียกกลุ่มอาการต่างรวมมาเป็น

Attention Defecit Hyperactivity Disorders (ADHD) หรือใน

บ้านเรานิยมเรียกว่า โรคเด็กไฮเปอร์





จากการทำการวิจัยสำรวจเด็กไทยในเขตกรุงเทพมหานครพบว่ามีเด็กในกลุ่มสมาธิสั้นประมาณ

ร้อยละ 5-10 ของเด็กวัยเรียนหรือประมาณ 2-3 คนในห้องเรียนขนาด 50 คน สำหรับในต่างประเทศ

พบได้ประมาณร้อยละ 3-15 ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศและระบบการศึกษา



อาการที่สำคัญของเด็กกลุ่มสมาธิสั้นแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญุ่ๆคือ

1. อาการซนมากกว่าปกติ (Hyper Activity) ลักษณะความซนจะมากกว่าเด็กทั่วๆไป ซนแบบ

ไม่อยู่นิ่ง อยู่ไม่เป็นสุข ลุกลี่ลุกร้น ตลอดเวลา

2. อาการสมาธิสั้น สามารถสังเกตุได้โดยเด็กจะมีความวอกแวกง่าย แม้แต่สิ่งเร้าเล็กๆน้อยก็สามารถ

ทำให้เด็กเสียสมาธิได้แล้ว เข่น ในขณะที่เด็กกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ พอมีเสียงดังเบาๆเช่นเสียงของตก

พื้น หรือกิ่งไม้หล่นบนพื้น กลุ่มเด็กพวกนี้จะหันไปหาแหล่งต้นเสียงทันที หรือขณนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียน

พอมีคนเดินผ่านก็จะหันไปดูโดยทันที เป็นลักษณะเป็นความไวต่อสิ่งเร้าภายนอกโดยผ่านทาง ตา / หู

นอกจากนั้นยังอาจเกิดจากสิ่งเร้าภายในตัวของเด็กเอง ในกรณีนี้จะแสดงออกในลักษณะอาการเหม่อ

ลอย นั่งนิ่งๆ เป็นนระยะเวลานานๆ เหม่อบ่อย เป็นต้น



กลุ่มอาการสมาธิสั่นนี้ยังแสดงออกในรูปของการทำงานไม่ค่อยสำเร็จ เพราะในขณะที่กำลังทำงาน

อย่างหนึ่งอยู่นั้น ใจก็จะคิดวอกแวกไปคิดถึงเรื่องอื่นๆต่อไป ทำให้งานกว่าจะเสร็จได้ต้องใช้เวลานาน

ต้องค่อยจ่ำจี้จ่ำไชงานถึงจะสำเร็จลุล่วงไปได้



3. อาการหุนหันพลันแล่น (Impulsive) เด็กมักจะแสดงออกในลักษณะที่รอคอยไม่เป็น ยกตัวอย่าง

เช่น ในขณะที่พ่อแม่หรือผู้ใหญ่กำลังคุยกันอยู่ เมื่ออยากจะพูดเด็กก็จะพูดแทรกขึ้นมาในทันทีโดยไม่คำนึง

ถึงความเหมาะสม โดยเด็กจะไม่สามารถอดใจทนรอให้การสนทนานั้นเสร็จเสียก่อน

หรืออีกตัวอย่างเช่นผู้ปกครองเด็กบอกให้ช่วยหยิบน้ำให้แก้วหนึ่ง ลุกจะรีบว่างไปหยิบเอาแต่แก้วมายื่น

ให้ เหมือนกับยังไม่ทันฟังคำร้องขอให้เสร็จก่อน ก็รีบวิ่งไปก่อนเสียแล้วจะแสดงออกในลักษณะรีบเร่ง

หุนหันพลันแล่น รอคอยไม่เป็น มักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อกับตัวเด็กได้ง่าย



ซึ่งลักษณะอาการสำคัญทั้ง 3 ของกลุ่มเด็กสมาธิสั้นข้างต้น เด็กอาจมีลักษณะครบทั่ง 3 กลุ่มได้ หรือ

โดยอาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่งที่เด่นหรืออาจมีลักษณะเด่นร่วมกัน1-2 อาการเลยก็ได้



สรุปลักษณะที่สำคัญของเด็กสมาธิสั้นคือ วอกแวกง่าย ทำงานไม่ค่อยเสร็จ

ซนไม่อยู่นิ่ง หุนหันพลันแล่น

ดังนั้นการวินิจฉัยจึงมักต้องเปรียบเทียบกับเด็กธรรมดาทั่วๆไป ที่สำคัญคือมักทำงานใดๆไม่ค่อยสำเร็จและชอบรบกวนเด็กอื่นๆมากกว่าปกติทั่วๆไป

แม้แต่การเล่นก็เล่นก็มักเล่นไม่จบ เช่นการเล่นต่อตัวต่อเลโก้ โดยเด็กทั่วไปในวัย 7-8 ขวบ

น่าจะนั่งเล่นตัวต่อเลโก้จนได้เป็นรูปเป็นร่างได้ แต่ในเด็กกลุ่มสมาธิสั้นอาจทำไม่สำเร็จ







เรามักจะใช้เกณฑ์ของกลุ่มเด็กปกติทั่วไปเป็นเกณฑ์ในการช่วยเปรียบเทียบตัดสิน เช่นเด็กวัยประมาณ

7 ขวบจะสามารถนั่งเล่นอยู่กับที่ได้นานประมาณ 15-30 นาที แต่ถ้าเด็กที่นั่งเล่นอยู่กับที่ไม่ได้ก็ให้ฉุก

คิดไว้ก่อน เป็นต้น



เมื่อกลุ่มเด็กสมาธิสั้นนี้ ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ รักษาอย่างถูกวิธีในวัยเด็ก เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่

ก็มีผลผลต่อเนื่องให้เป็นผู้ที่ทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จ ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตนเอง ณจุดนี้อาจแยกเป็น

2 กลุ่มได้คือ

- กลุ่มหนึ่งจะแปรเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเกเร กร้าวร้าว ต่อต้านสังคม

- อีกกลุ่มจะกลายเป็นคนที่ไม่กล้า กลัว ซึมเศร้า หงอยเหงา คนในกลุ่มนี้จะมองตัวเองไม่ดี ไร้ค่า อาจถึง

- อีกกลุ่มจะกลายเป็นคนที่ไม่กล้า กลัว ซึมเศร้า หงอยเหงา คนในกลุ่มนี้จะมองตัวเองไม่ดี ไร้ค่า อาจถึง

ขั้นฆ่าตัวตายได้

ทั้งสองกลุ่มข้างต้นมักจะพบได้บ่อนในกลุ่มเด็กสมาธิสั้นที่เริ่มโตขึ้น แต่ก็มีบ้างบางส่วนที่อาจจะไปใน

ทิศทางที่ดี สาเหตุเนื่องจากมีพรสวรรค์ด้านอื่นเป็นพิเศษมาช่วยชดเชย

มาช่วยทำให้เด็กมีความภูมิใจ หรือมีสภาพแวดล้อมและพ่อแม่มีความเข้าใจลูกเป็นอย่างดีคอยดูแล



ในวัยเรียนกลุ่มเด็กอาการสมาธิสั้นจะมีผลกระทบต่อการเรียน เด็กกลุ่มนี้จะไม่คอยมีช่วงที่มีสมาธิ

สำหรับการตั้งใจเรียน มีแนวโน้มที่จะล้มเหลวในการเรียนสูงถ้าไม่ได้รับการดูแลและเข้าใจเป็นอย่างดี

เช่นในการเรียนบทเรียนวันนี้ยังไม่ทันจะทำความเข้าใจดี ในวันรุ่งขึ้นก็มีบทเรียนใหม่เข้ามาอีกแล้ว ทำ

ให้การเรียนไม่ค่อยทันเพื่อน แปรเปลี่ยนไปเป็นการเบื่อไม่อยากเรียนไป



อาจมีบ้างที่ให้ผลเป็นดีในทางกลับกันคือ เด็กมีพรสวรรค์ทางด้านไอคิว บวกกับอาการสมาธิสั้นทำให้

สามารถฟังการสอนแบบผ่านๆก็สามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี ทั้งๆที่แสดงออกเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟังที่

ครูสอนเลย ลักษณะอย่างนี้บางครั้งก็กลับกลายไปเป็นผลเสียต่อเพื่อนเรียนข้าง เพราะในช่วงไม่มีสมาธิ

ก็จะไปรบกวนสมาธิของเด็กข้างพลอยทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียนไปด้วย อาจดูเหมือนเป็นตัวปัญหา

ของชั้นเรียน ทำให้ความสัมพันธืต่อคนอื่นไม่ดีไปด้วย



เมื่อเราสังเกตุลักษณะอาการของเด็กและสงสัยว่าน่าจะเป็นกลุ่มอาการสมาธิสั่นแล้ว ผู้ปกครองควรจะ

พาไปพบจิตแพทย์เพื่อให้ผู้ชำนาญทำการทดสอบวินิจฉัยให้ชัดเจนแน่นอนก่อน แล้วค่อยไปสู่การทำการ

รักษาต่อไป ในการรักษานอกจากการใช้ยาร่วมด้วยแล้วทางด้านผู้ปกครองต้องมีส่วนช่วยในการรักษา

ในการตระเตรียมสภาพแวดล้อมโดยมีหัวข้อหลักๆ 3 ประการดังนี้

1. ต้องมีการจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ไม่มีสิ่งรบกวนและสิ่งเร้าต่อเด็กมากเกินไป พยายามจัดห้อง

หรือบ้านให้มีระเบียบเช่นไม่มีของเล่นวางเกลื่อนไปหมด ไม่มีบรรยากาศวุ่นวายสับสน เสียงตะโกนโวก

เหวกเปิดเสียงเพลงดัง จนเด็กไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้เลย แม้แต่การพาไปเที่ยวนอกสถานทีก็ไม่

ควรพาไปในที่อีกกระทึก วุ่นวายเสียงดัง เป็นต้น



2. การช่วยเสริมสร้างวินัยในตัวเด็ก เพราะจะเป็นตัวนำไปสู่การรู้จักควบคุมตนเอง เป็นการเสริมทาง

อ้อมให้รู้จักรวบรวมสมาธิได้แก่

- การสร้างเสริมวินัยในกิจวัตรประจำวัน โดยการจัดตารางงานให้ทำเป็นเวลา สร้างระเบียบพื้นฐานใน

บ้านแบบกิจวัตรว่าใครจะช่วยจัดการอะไรบ้าง ใครถูพื้น ใครกวาดบ้าน ใครล้างจาน เป็นประจำ

- วินัยในการตรงต่อเวลา ฝึกให้เด็กมีตารางเวลาในการทำงาน ว่าควรทำอะไร ในเวลาไหนทจะเสร็จ

เมื่อใด เป้นต้น

การสร้างระเบียบต่างๆข้างต้น ควรเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีทางสำเร็จถ้าจะให้ทำได้

ทุกอย่างในเวลาสั้นๆทันทีทันใด และที่สำคัญผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างในตอนเริ่มต้น

และค่อยๆลดตนเองลงที่ละน้อย จนเด็กสามารถทำด้วยตนเองทั้งหมด



3. การหากิจกรรมช่วยเสริมทักษะ เช่นการเรียนดนตรี การเรียนศิลปะ การอ่านหนังสือ กีฬา หลีกเลี่ยง

เกมส์ กีฬา หรือกิจกรรมที่มีความรุนแรงเพราะจะกลับกลายไปกระตุ้นอาการสมาธิสั้น เป็นการทำให้

อาการแย่ลงไปอีก



พ่อแม่ต้องมีความเข้าใจ อดทน มีความหนักแน่นในหลักการ และที่สำคัญต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการ

ลงโทษ โดยเปลี่ยนเป็นการลงโทษโดยการตกลงกันไว้ก่อนแทน เช่น งดเวลาการดูโทรทัศน์ลงแทน เมื่อ

ทำไม่ตรงตามกติกา เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข้อเท็จจริง เรื่องการศัลยกรรมที่คุณควรรู้ก่อนขึ้นเขียง

เมื่อสิบกว่าปีก่อน การศัลยกรรมเป็นไปเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข แต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นความสวยงามตามใบสั่งไปเสียแล้ว และไปจำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปทำ หรือโกหกอีกต่อไป ว่าไม่ได้อาศัยมีดหมอเพื่อดูดีเมื่อมีใครถาม




การที่ศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ทำให้มันดูเป็นเรื่องไม่อันตรายใรสายตาคนทั่วไปแต่ในความเป็นจริงแล้ว ศัลยกรรมก็คือการผ่าตัดและการผ่าตัดทุกครั้งมีความเสี่ยง ไม่ว่าศัลยแพทย์ที่คุณฝากชีวิตไว้ในมือจะเก่งกาจเพียงใด หรือเครื่องมือที่ใช้ไฮเทคแค่ไหน มาทำความรู้จักกับศัลยกรรมให้ดีขึ้นก่อนตัดสินใจ



อ่านต่อ…

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน